1. SistaCafe
  2. เปิดกรุสกินแคร์ คนผิวผสม ผิวมัน T Zone เค้าทาอะไรกันก่อนนอน

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเดี๋ยวตรงนี้ก็ผิวหน้ามันเยิ้มที เดี๋ยวตรงนั้นผิวก็แห้งลอกเป็นขุยที คือสรุปว่านี่เราเป็นคนผิวแห้งหรือผิวมันล่ะ? แล้วทีนี้จะต้องดูแลผิวยังไง ใช้สกินแคร์ผิวผสมแบบไหนกันนะ? งงไปหมดแล้วค่ะซิส

ใครเจอปัญหาแบบที่พูดถึงไปด้านบนนั่นแสดงว่าเรามีสภาพผิวแบบนี้เรียกกันว่า “ผิวผสม” นั่นเองจ้า ซึ่งเป็นสภาพผิวที่ในบริเวณT Zone ช่วงหน้าผาก จมูกและคางจะเป็นบริเวณที่มีความมัน ส่วนบริเวณอื่นๆ ที่นอกเหนือจากนั้นเช่น ช่วงแก้ม จะมีความแห้งกว่า  ด้วยปัญหาของชาวผิวผสมที่มีสภาพผิวบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าไม่เท่ากันแบบนี้เลยทำให้การดูแลผิวจำเป็นต้องมีขั้นตอนการดูแลยุ่งยากมากกว่าผิวแบบอื่นๆ แต่อย่าพึ่งเศร้าไปน้าเพราะวันนี้https://sistacafe.com/พร้อมมาแชร์ขั้นตอนสกินแคร์รูทีนให้กับชาวผิวผสม จะมีขั้นตอนอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า


วิธีเช็กประเภทผิวผสม

ก่อนอื่นเลยเราต้องเช็กให้ชัวร์ว่าเราเป็นคนผิวผสมจริงหรือเปล่า ถึงจะได้ไปถึงขั้นถัดไปในการเลือกใช้สินแคร์นะคะ เพราะถ้าเราไม่รู้จัก Skin type ของตัวเองแล้วดันไปหยิบสกินแคร์ที่เหมาะกับคนผิวประเภทอื่นมาใช้อาจจะกลายเป็นว่าประโคมสกินแคร์เข้าไปยังไงก็ไม่เป็นผลได้น้า ลองมาเช็กไปพร้อมๆ กันง่ายๆ ตาม 3 ขั้นตอนนี้ได้เลย


ล้างหน้าตามปกติ และไม่ต้องลงสกินแคร์ก่อนนอนเข้านอนโดยอยู่ในห้องอุณภูมิปกติ ไม่ต้องเปิดแอร์ เพราะแอร์สามารถทำให้ผิวเราแห้งจึงไม่สามารถเช็กสภาพผิวจริงๆ ของเราได้ตื่นเช้ามาแล้วลองสัมผัสหรือใช้ทิชชู่/กระดาษซับมันแปะผิวหน้า ถ้าผิวมันช่วง T Zone แต่ส่วนอื่นบนใบหน้าผิวแห้งปกติ แสดงว่าเราเป็นคนผิวผสมนั่นเองจ้า

3. Combination skin ผิวผสม

**หลังล้างหน้า 1 ชม

- รู้สึกผิวมัน เงา บริเวณ T-zone

- ทิชชู่ซับหน้า มัน (oil) บริเวณ T-zone, ไม่มัน (no oil) บริเวณ C-zone

Skincare Routine สกินแคร์ผิวผสม

การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมอาจเป็นสิ่งที่ยากที่สุดของผลิตภัณฑ์การดูแลผิว เพราะเราต้องการผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ให้ความชุ่มชื้นกับบริเวณผิวที่แห้ง และต้องหาผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมความมันในบริเวณผิวที่เป็นช่วง T-zone อย่างเช่นตรง หน้าผาก จมูก และคางได้ อีกทั้งยังต้องจัดการกับปัญหาสิวที่อาจจะตามมาอีกด้วย



เน้นเสริมเกราะปราการด้วย Ceramide Choresterol Fatty acid MLE Hyaluronic acid, Ceramide, Squalene, Aloe vera, Niacinamide สารเหล่านี้จะทำให้ทั้งส่วนที่แห้งและส่วนที่มันของใบหน้าชุ่มชื้น อวบอิ่ม สมดุล สวยเด้งฟูในที่สุดหลีกเลี่ยงม๊อยที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เช่น Lanolin, Propylene glycol, Thick oil, Alcohol, Acidเสริมเกราะปราการด้วย

https://www.cosmopolitan.com/uk/beauty-hair/a30456000/combination-skin/

https://www.beautifulwithbrains.com/how-to-care-for-combination-skin/

https://www.lorealparis.com.au/combination-skin-care-routine

https://www.kiehls.co.th/th_TH/skincare-advice/routine/your-ultimate-skincare-routine-for-combination-skin.html


คลีนสิ่งสกปรกด้วยโฟมล้างหน้า

ไม่ว่าจะผิวแบบไหนก็อย่าลืมล้างหน้า! เพราะผิวจะดีต้องเริ่มที่การรักษาความสะอาดค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วในระหว่างขั้นตอนการล้างหน้านั้นน้ำมันที่เคลือบผิวเราก็จะถูกชะล้างออกไป แต่ปริมาณจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เราใช้ ถ้าเกิดว่าผลิตภัณฑ์ตัวที่เราใช้มีสารชะล้างอย่าง SLS SLES (ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการผลิตฟองได้เยอะจึงช่วยทำความสะอาดได้หมดจดแต่มาคู่กับการทำให้ผิวเราแห้งตึง) สารนี้เค้าจะเอาน้ำมันบนผิวเราออกไป และทำให้น้ำใต้ผิวระเหยออกอย่างรวดเร็วด้วยจนกลายเป็นว่าหน้าแห้ง ทีนี้พอหน้าเราแห้งระบบร่างกายก็จะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำ เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาที่ว่าทำไมล้างหน้าเสร็จ เผลอแปบเดียวผิวก็มันแล้ว

เพราะฉะนั้นสำหรับคนผิวผสมเลยให้เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีฟองน้อยซึ่งจะรบกวนผิวเราน้อยกว่า ส่วนใหญ่ก็จะถูกระบุบนฉลากไว้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์อ่อนโยนหรือสำหรับผิวแพ้ง่ายนั่นเองค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่เค้าก็จะผสมมอยส์เจอไรเซอร์เข้าไป ทำให้ชะล้างน้ำมันออกไปได้น้อยกว่า แต่หลังล้างแล้วจะรู้สึกว่าผิวยังลื่นๆ ที่ถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะหมายความว่าผิวยังคงความชุ่มชื้นไว้ได้ จึงเหมาะกับคนผิวผสมเพราะเค้าจะช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวเราสูญเสียความชุ่มชื้นไปนั่นเอง ซึ่งอาจจะเป็นโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนหรือจะเป็นในรูปแบบเจลล้างหน้าก็ได้เหมือนกัน

โทนเนอร์สำหรับผิวมัน

หลังจากเราล้างหน้าแล้วอาจจะรู้สึกว่าความสกปรกและความมันส่วนเกินช่วง T Zone อาจจะยังหลงเหลืออยู่บ้าง เพื่อความสะอาดของผิวขั้นสุด เราก็สามารถที่จะใช้โทนเนอร์มาเช็ดทำความสะอาดผิวกันต่อได้ค่ะ ยิ่งทุกวันนี้เค้าก็มีโทนเนอร์สำหรับผิวมันแล้ว ซึ่งจะเป็นโทนเนอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ และจะไปช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกิน ยับยั้งและป้องกันการเกิดสิวต่างๆ รวมถึงช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ง่ายขึ้น ทำให้เราสามารถความสะอาดได้หมดจดยิ่งขึ้น และนอกจากนั้นประโยชน์ของโทนเนอร์ก็ยังช่วยปรับสมดุลและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการลงสกินแคร์ในขั้นตอนถัดไป ช่วยให้สารอื่นๆ ซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีมากกว่าเดิมด้วยน้า

มาดูตัวอย่างส่วนผสมในโทนเนอร์สำหรับคนผิวมันที่ซิสแนะนำกันดีกว่าค่ะSalicylic Acidส่วนผสมยอดฮิตที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวพร้อมทำความสะอาดรูขุมขนอย่างอ่อนโยนแถมยังช่วยให้รอยสิวแลดูจางลงอีกด้วยWitch Hazelจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย พร้อมกับจัดการความมันส่วนเกินอันเป็นสาเหตุของปัญหาสิว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวทำให้ผิวหรือรูขุมขนกระชับขึ้นNiacinamideช่วยดูแลรักษาสิวและช่วยกระชับรูขุมขนBHA/AHA/PHAช่วยจัดการความมันและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวมีความกระจ่างใสมากขึ้น

แบ่งโซนทามอยส์เจอไรเซอร์

สำหรับมอยส์เจอไรเซอร์คนผิวผสมจะมีความจุกจิกมากกว่าผิวประเภทอื่นนิดนึงตรงที่ผิวเราจะเป็นการผสมระหว่างผิวมันกับผิวแห้ง คือตรงหน้าผาก จมูก และคางหรือที่เรียกว่าผิวบริเวณ T-Zone จะมีความมันในขณะที่แก้มทั้งสองข้างและผิวบริเวณอื่นๆ บนหน้าจะมีความแห้งตึง ซิสแนะนำว่าให้แบ่งโซนทาตามสภาพผิวไปเลยบริเวณ T Zoneด้วยความที่บริเวณนี้จะมีความมัน เพราะฉะนั้นสกินแคร์ที่เราจะเลือกมาทาส่วนนี้ก็จะต้องเน้นความบางเบาเป็นหลัก ซิสแนะนำให้เลือกใช้ครีมที่เป็น Water based คือเป็นเนื้อเจลหรือเนื้อโลชั่นจะดีกับผิวส่วนนี้มากกว่า รวมถึงหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจจะก่อให้เกิดการอุดตัน เช่น Lanolin, Propylene glycol, Thick oil (oil ที่เนื้อหนักๆ)บริเวณ U Zoneส่วนตรงนี้ผิวเราจะค่อนข้างแห้งและเป็นขุยได้ง่าย เพราะฉะนั้นก็จะให้เน้นบำรุงแบบจุกๆ เน้นๆ ไปเลยด้วยการใช้ครีมที่มีเนื้อหนักๆ สังเกตๆง่ายๆ คือครีมพวกนี้เนื้อเค้าจะเป็นสีขาวจากพวกส่วนผสมที่เป็น Solid ซึ่งอาจจะเป็นพวก Wax ที่ช่วยเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียน้ำไป ทาแล้วรู้สึกผิวจะเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นทริคเพิ่มเติมให้เราเน้นเสริมเกราะปราการผิวด้วย Ceramide, Choresterol, Fatty acids, Hyaluronic acid,Squalane, Aloe Vera, Niacinamide ซึ่งสารเหล่านี้จะทำให้ทั้งส่วนที่แห้งและส่วนที่มันของใบหน้าชุ่มชื้น ผิวนุ่มฟูซิสสรุปง่ายๆ ให้อีกที ตรงไหนแห้งก็เติมความชุ่มชื้น ตรงไหนมันก็เน้นบางเบาไปนะ เพราะถ้าเกิดว่าเราใช้มอยส์เนื้อหนักๆไปทาส่วนT Zone ที่มันๆ อยู่แล้วทีนี้ล่ะงานเข้า ผิวก็จะยิ่งได้รับน้ำมันเยอะเกินไปเสี่ยงเกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิวไปอีก ในขณะเดียวกันถ้าเราใช้มอยส์เนื้อเบาๆ มาทาบริเวณ U Zone ด้วยความบางเบาของเนื้อผลิตภัณฑ์ ก็อาจจะเติมและเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิวได้ไม่เต็มที่ ผิวของเราอาจจะดูไม่อิ่มฟูและฉ่ำน้ำอย่างที่ควรจะเป็น


ทำความสะอาดรูขุมขนด้วยมากส์โคลน

3 ขั้นตอนที่ผ่านมาถือเป็น must have รูทีนที่ชาวผิวผสมควรทำตามในทุกวันกันไปแล้ว ส่วนในข้อสุดท้ายนี้ถือเป็นทริคเสริมเพิ่มเติมที่ถ้าหากว่าเรามีเวลาก็สามารถลองไปทำตามกันได้ ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็คือการ

มากส์ผิวด้วยมาสก์โคลน

อย่างที่เรารู้กันคือ โคลนเป็นวัตถุดิบจากเป็นธรรมชาติ ซึ่งเค้าจะเป็นแหล่งที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหน้า เหตุผลที่ซิสแนะนำให้ใช้ก็เพราะเค้ามีคุณสมบัติในการดูดซับความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกตกค้าง แล้วก็ความมันที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนของผิวเรา ที่ถือเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้มีโอกาสเป็นสิวได้ง่าย



การมากส์หน้าด้วยมากส์โคลน แนะนำให้ทำเฉพาะช่วง T Zone นะคะ สามารถมาสก์ได้สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง ตัวมากส์จะเข้าไปช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างและความมันส่วนเกิน ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน จึงช่วยลดโอกาสการเกิดสิวแล้วก็ช่วยลดขนาดรูขุมขนให้เล็กลงอีกได้ด้วยค่ะ



- - - - - - - - - - - - - - -

อ่านจบแล้วบางคนมีเครียดเพราะคน "ผิวผสม" จะค่อนข้างยุ่งยากในการเลือกใช้สกินแคร์ ด้วยความที่ผิวตรงนั้นแห้งทีผิวตรงนี้มันทีอะเนอะ เอาเป็นว่า

https://sistacafe.com/

จะสรุปแบบง่ายที่สุดในสามโลกให้อีกครั้ง

ตรงไหนมันให้ดูแลแบบผิวมัน ส่วนตรงไหนที่แห้งก็ให้ดูแลแบบผิวแห้ง

แบบบนี้คือเริ่ด เป็นสกินแคร์รูทีนสำหรับชาวผิวผสมในอุดมคติ แต่ถ้าเกิดว่าเรามีงบไม่มากพอก็อย่าพึ่งเศร้าไป ให้เราไปลองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกำจัดความมันแต่ไม่ทำให้ผิวถึงกับแห้งเอี๊ยดแบบนี้ก็เวิร์คอีกทางเหมือนกันจ้า



Designer :kidasindahouse♥

Writer :BabyPeachy

โดยพื้นฐานนั้นสามารถแบ่งประเภทของผิว ได้เป็น 4 ประเภท คือ ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม ประเภทของผิวนั้นถูกกำหนดด้วยพันธุกรรม อย่างไรก็ตามสภาพของผิวคนเรา ยังมีความแตกต่างกันได้อีก ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยภายในอื่นๆ

รวมถึงปัจจัยภายนอกที่แวดล้อมแต่ละบุคคล

- - - - - - - - - - - - - - -

อ่านบทความเพิ่มเติมจาก

https://sistacafe.com/

ได้ที่นี่



https://sistacafe.com/summaries/90611

https://sistacafe.com/summaries/89342

https://sistacafe.com/summaries/90413

https://sistacafe.com/summaries/89454

https://sistacafe.com/summaries/80194

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้