" มะเขือเทศมากประโยชน์ "ไลโคปีนที่สามารถพบได้จากมะเขือเทศ ที่นำมาดัดแปลงเป็นทั้งเครื่องดิื่มและเครื่องสำอาง โดยเฉพาะเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่ฮิตฮอตจนเป็นกระแสในช่วงนั้นอย่างที่ใครหลายๆ คนแนะนำให้ดื่ม เพราะสามารถช่วยในเรื่องผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น และยังอมชมพูอีกด้วย นอกจากตัวเครื่องดื่มแล้วอาหารเสริมก็ยังถูกนำมาเป็นตัวเลือกให้กับสาวๆ ที่อยากดูแลหรือบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งแบบล้ำลึกมากยิ่งขึ้น นอกจากไลโคปีนที่ช่วยเรื่องผิวแล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องอะไรได้อีกด้วย ฉะนั้นไปทำความรู้จักกับการทานไลโคปีน(Lycopene) ในเรื่องของการให้ประโยชน์กัน

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

ไลโคปีน หรือ Lycopene คืออะไร ?

รูปภาพ:

ไลโคปีน (Lycopene)คือ สารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งสารตัวนี้ทำให้ผลไม้ อย่างเช่น ผักที่มีสีแดง เป็นหนึ่งในเม็ดสีที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระในตระกูลแคโรทีนอยด์พบได้ในผลไม้สีแดงสีชมพู เช่น มะเขือเทศ แตงโม ส้มเนื้อแดง ฝรั่งใส้แดง ทับทิม มะละกอ พริกแดง ลูกพลับ หน่อไม้ฝรั่งสีม่วง กะหล่ำปลีม่วง และเกรฟฟลุต ซึ่งเจ้าตัวไลโคปีนในอาหารมาจากผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ หรือมะเขือเทศสด โดยผ่านการแปรรูปมะเขือเทศดิบจากการใช้ความร้อน สามารถช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้นแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม เมื่อระดับอนุมูลอิสระมีมากกว่าระดับสารต้านอนุมูลอิสระก็สามารถสร้างความเครียดจากการออกซิเดชั่นในร่างกายได้ นอกจากนี้ยังพบการวินิจฉัยว่าไลโคปีนสามารถนำมารักษาโรคได้ อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด และเส้นเลือดตีบในสมอง เป็นต้น

มะเขือเทศกับสารไลโคปีน

รูปภาพ:

จากการวิจัยพบว่าในมะเขือเทศจะอุดมไปด้วยสารไลโคปีนเป็นจำนวนมาก และไลโคปีนจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อมีการปรุงมะเขือเทศด้วยความร้อน เพราะจะทำให้เกิดชีวประสิทธิผลที่ดีขึ้นและเพิ่มปริมาณของไลโคปีนสูงขึ้นไปอีก นั่นเป็นเพราะเมื่อไลโคปีนสัมผัสกับความร้อนสามารถเกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงพันธะเคมีแบบทรานส์ จึงทำให้ไลโคปีนกลายเป็นพันธุ์แบบซิสที่เป็นเส้นโค้งงอ โดยจะสามารถละลายในไขมันได้ดีกว่า จึงทำให้ร่างกายสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้นั่นเอง ซึ่งจากกรณีของมะเขือเทศจะเห็นได้ว่า ผักผลไม้ทุกชนิดไม่ได้มีประโยชน์มากที่สุดเมื่อทานสดๆ เท่านั้น โดยเฉพาะเจ้ามะเขือเทศที่จะยิ่งมีคุณค่าสูงขึ้นเมื่อได้ผ่านความร้อน เพราะฉะนั้นมาทานมะเขือเทศที่ปรุงด้วยความร้อนกันบ่อยๆ จะดีมากกว่า เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์ที่สูงสุด

การทานไลโคปีน ช่วยอะไรบ้าง ?

ไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสารชนิดอื่นๆ ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ซึ่งรวมถึงเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความแข็งแรงของความหนาและความลื่นไหลของเยื่อหุ้มเซลล์ มีหน้าที่ช่วยคัดกรองสิ่งที่เข้าและออกจากเซลล์ช่วยให้สารอาหารที่ดีเข้ามาแทน กำจัดขยะในเซลล์และป้องกันไม่ให้สารพิษเข้าสู่เซลล์ จึงทำให้เยื่อหุ้มเซลล์ที่แข็งแรงมีความสำคัญในการป้องกันโรคต่างๆ

การทานไลโคปีน กับประโยชน์ต่อผิว

รูปภาพ:

- ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีในแสงแดด :การรับประทานไลโคปีน หรือมะเขือเทศเข้มข้นที่มีไลโคปีนในปริมาณ 8-16 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 10-12 สัปดาห์ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีในแสงแดด โดยเป็นการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากผิวได้รับแสงแดด และช่วยดูดซับรังสียูวีเอ และยูวีบี ทำให้ผิวทนต่อแสงแดดได้มากขึ้น และช่วยลดอาการผิวไหม้แดดได้ดี- ปกป้องผิวลึกถึงระดับดีเอ็นเอ (DNA) :การรับประทานไลโคปีน 16 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ จะได้รับการช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีในแสงแดดได้ลึกถึงระดับดีเอ็นเอ โดยช่วยลดการทำลายดีเอ็นเอในเซลล์ไมโตคอนเดรียล (Mitochondrial) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการสร้างพลังงานให้แก่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงการเพิ่มโปรคอลลาเจน (Procollagen) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์คอลลาเจนเพิ่มขึ้นด้วย- เพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายด้วยอนุมูลอิสระ :ยังมีการวิจัยว่าการรับประทานสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ อย่างเช่น ไลโคปีน ร่วมกับวิตามินอี จะเสริมฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายด้วยอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการผิวไหม้แดดและช่วยให้ผิวไหม้แดดหายได้เร็วขึ้น รวมทั้งวิตามินอี ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีอีกด้วย

การทานไลโคปีนกับประโยชน์ต่อสุขภาพ

รูปภาพ:

- ไลโคปีนช่วยต้านอนุมูลอิสระลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ- ช่วยในการรักษาภาวะมีบุตรยาก ผลจากการทดสอบพบว่าไลโคปีนสามารถเพิ่มความเข้มข้นของอสุจิในผู้ชายได้- ไลโคปีนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน- การเสริมด้วยไลโคปีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยลดพารามิเตอร์หรือความเครียดภายในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใน 30 วัน สามารถเพิ่มพลาสมาเพิ่มขึ้น 20%- ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน- ป้องกันการเสื่อมสภาพของอายุและต้อกระจก- ป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์- ทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดภายในและปกป้องผิวของคุณจากการถูกแดดเผา

โทษจากไลโคปีน

รูปภาพ:

แม้ไลโคปีนจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีเรื่องที่ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน เพราะมีรายงานฉบับหนึ่งให้ข้อมูลไว้ว่า หากรับประทานไลโคปีนมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ อย่างเช่น- เจ็บหน้าอก-ท้องเสีย- ไขมันสะสมใต้ผิวหนัง- ท้องอืด จุกเสียดแน่นท้อง- หัวใจวาย- คลื่นไส้ และอาเจียน- สีผิวเปลี่ยนเป็นเหลือง- มีอาการปวดท้อง รู้สึกไม่ย่อย- แผลระคายเคืองในกระเพาะอาหาร- ร้อนวูบวาบโดยอาการจะหายไปได้เองเมื่อหยุดรับประทานแล้ว

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

การทานไลโคปีนจากมะเขือเทศ ควรที่จะนำไปปรุงให้สุกก่อนที่จะนำมารับประทานเพราะการทำให้สุกนั้นสามารถให้คุณค่าได้สูงมากกว่าการกินแบบสดๆ ซึ่งถ้าอยากสะดวกต้องมองหาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มพร้อมทานที่ผลิตมาจากมะเขือเทศ หรือจะเลือกเป็นการทานอาหารเสริมไลโคปีนเข้ามาแทนก็ได้ ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความชอบหรือความสะดวกของตัวเราได้เลย นอกจากการเลือกทานไลโคปีนในการรักษาผิวและร่างกายแล้ว เพื่อเสริมเกราะป้องกันให้ดีขึ้น การดื่มน้ำให้ให้ครบ 6-8 แก้วต่อวัน และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับร่างกายของเราได้นั่นเอง

บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด

https://sistacafe.com/summaries/79650

https://sistacafe.com/summaries/96215

https://sistacafe.com/summaries/49529