ด้วยความที่เราเป็นหนึ่งในคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา แต่จะมีสกินแคร์อยู่กลุ่มหนึ่งที่เราไม่เคยละเลยใน Skincare Routine ของเรานั่นคือกลุ่ม" Vitamin C "แน่นอนว่าเพื่อนๆ หลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าวิตามินซีนั้น มีคุณสมบัติที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น :- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และมีส่วนช่วยลดสีผิวที่ไม่สม่ำเมอ- เป็น Antioxidant ที่ทรงประสิทธิภาพ- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน- ช่วยปกป้องผิวจากอันตรายจากแสงแดด UVA และ UVB ด้วยการจับอนุมูลอิสระที่เกิดเมื่อผิวถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด- ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวขาวขึ้น- อีกทั้งยังลดการอักเสบ ช่วยในการสมานแผล และลดรอยด่างดำซึ่งเกิดขึ้นตามหลังการอักเสบของผิวหนังได้

จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C นั่นมากมายหลายประการ แต่เราเชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจว่า Vitamin C ตัวไหนก็น่าจะเหมือนกันถูกมั้ยหละ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลยล่ะฮะ เอาเป็นว่าเราขอมาแชร์ในมุมที่เรารู้ และแบรนด์ที่เรามีโอกาสได้ลองมาแล้วกันฮะ ไปชมกันเลยจ้า....

Kiehl's : Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate ( 50ml./3,200.- )

รูปภาพ:

เรียกว่าเป็นต้นแบบของ Vitamin C Serum ในหลายๆ แบรนด์เลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดเด่นของเค้าคือความเข้มข้นของ Vitamin C ถึง 12.5% ซึ่งแบ่งเป็น :

-

Ascorbic acid :

Vitamin C ชนิด L-ascorbic acid ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเทียบกับวิตามินซีประเภทอื่น ทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ช่วยให้ริ้วรอยตื้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสถียรที่น้อยกว่าเช่นกัน

-

Ascorbyl Glucoside :

คือวิตามินซีในฟอร์มที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่งทางแบรนด์ใส่เข้ามาเพิ่มอีก 2% โดยวิตามินซีฟอร์มนี้มีงานวิจัยรองรับว่า มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ลดการออกซิเดชั่นของไขมันบนชั้นผิว ลดผลกระทบจากรังสี UVB และเป็นไวท์เทนนิ่งได้ดี ( แม้จะยังมีข้อมูลไม่มากเท่า Ascorbic Acid แต่ก็มีการศึกษาแล้วว่าสามารถดูดซึมและผิวสามารถนำไปใช้ได้จริง )

นอกจากการผสานวิตามินซี 2 ฟอร์มแล้ว ยังมีสารที่น่าสนใจอย่าง Adenosine ที่ช่วยให้ผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ แถมการปรับสูตรใหม่ในครั้งนี้ทางแบรนด์ยังปรับเนื้อสัมผัสให้เบา และซึมไวขึ้นอีกด้วยหละ

ผลลัพธ์ :จากที่เราได้ลองใช้อย่างต่อเนื่องมาประมาณ 2-3 เดือน พบว่าผิวกระจ่างใสขึ้นได้จริง รอยแดง/ดำ จากสิวจางลงไวกว่าปกติ ส่วนในเรื่องริ้วรอยเนื่องจากเรายังไม่ค่อยมีปัญหาในจุดนี้ จึงอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่นัก แต่หากอ้างอิงจากผลวิจัย ร่วมกับการใช้อย่างต่อเนื่อง และดูแลตัวเองในองค์รวม น่าจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ฮะ

Paula’s Choice C15 Super Booster ( 20ml./1,800.- )

รูปภาพ:

หากพูดถึงแบรนด์ Paula's Choice เราเชื่อว่ามนุษย์สาย Skincare หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี และแน่นอนว่า Vitamin C Booster ขวดนี้ก็เป็น Top List ของแบรนด์ที่มักจะขายดีจน Sold Out อยู่ตลอดเวลา จากที่เราดูส่วนผสมแล้วพบว่านอกจากวิตามินซีแล้วยังมีส่วนผสมที่น่าสนใจอย่าง-Acetyl Octapeptide-3 :มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำและความสามารถในการฟื้นฟูผิว ในทางทฤษฎีกล่าวถึงบทบาทในการช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย

อีกจุดเด่นหนึ่งของเซรั่มขวดนี้คือเนื้อสัมผัสที่บางเบา เราคิดว่าเป็นวิตามินซีเซรั่มที่เนื้อเบาที่สุดตั้งแต่เคยใช้มาเลยหละ ใครที่เป็นมนุษย์ผิวมันน่าจะถูกใจอยู่ไม่น้อย แต่มีอีกจุดที่เป็นข้อที่เราแอบเป็นห่วงคือถึงแม้บรรจุภัณฑ์จะเป็นขวดแก้วทึบแสง แต่ด้วยความที่เป็นดรอปเปอร์ทำให้ทุกครั้งที่เปิดใช้ก็เสี่ยงต่อการสัมผัสกับอากาศเหมือนกันฮะ

ผลลัพธ์ :จากที่เราใช้มา 2-3 ขวดเราเห็นผลได้ชัดเจนในเรื่องความกระจ่างใสของผิว สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น ที่สำคัญคือไม่ค่อยพบปัญหาการอุดตันจากการใช้บูสเตอร์ขวดนี้ เนื่องจากเนื้อสัมผัสที่บางเบา ส่วนในแง่ของริ้วรอยเราอาจะยังตอบไม่ได้มากเนื่องจากยังไม่ค่อนมีปัญหาในส่วนนี้ขอรับ

Clinique Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10% ( 8.5ml x 4 = 3,600 Baht )

รูปภาพ:

หากคุณกำลังมองหา Vitamin C Serum ที่มีส่วนผสมอื่นที่น่าสนใจนอกเหนือจาก L-Ascorbic Acid แล้วหละก็ เราแนะนำให้ไปลองตัวนี้เลย เพราะนอกจาก Vitamin C 10% บูสเตอร์ขวดนี้ยังอัดแน่นไปด้วยเปปไทด์ถึง 4 ตัวรวมถึงสารบำรุงที่หลากหลาย อาทิ :

-

Acetyl Hexapeptide-8 :

ทางผู้ผลิตเคลมว่าช่วยลดการส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อจึงถูกเคลมว่าทำงานคล้าย BOTOX และก็มีการทดสอบในมนุษย์พบว่าเปปไทด์ตัวนี้ช่วยลดริ้วรอยและลดความหยาบกร้านของผิวได้

-

Palmitoyl Hexapeptide-12 :

เคลมว่าเป็นเปปไทด์ที่กระตุ้นการสร้างอีลาสติน เพื่อความยืดหยุ่นกระชับของผิว

-

Matrixyl 3000 :

การศึกษาพบว่า Matrixyl 3000 ช่วยกระตุ้นโปรตีนสำคัญที่เป็นโครงสร้างของชั้นผิวได้

และสารที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่ช่วยในเรื่อง Skin Barrier, Anti-Aging และ Exfoliation ที่สำคัญคือการแยกกันของ Vitamin C กับตัวทำละลายที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เราได้วิตามินที่สดใหม่ และมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ

ผลลัพธ์ : จากที่เรามีโอกาสได้ลองราว 1 เดือนนิดๆ ต้องยอมรับว่าเป็น Vitamin C Booster ที่น่าสนใจมากทีเดียวทั้งในด้านเนื้อสัมผัสที่ซึมค่อนข้างไว เห็นชัดในเรื่องการลดรอยดำ/แดง จากการกดและการเกิดสิว รวมถึงโทนผิวโดยรวมสม่ำเสมอมากขึ้น ผิวที่คล้ำจากแสงแดดก็กลับมากระจ่างใสขึ้นหลังใช้ไปประมาณ 2 สัปดาห์ คาดว่าจะเป็นอีกตัวที่เราซื้อซ้ำอย่างแน่นอน ( แต่ขอเก็บเงินเข้ากระปุกหมูก่อนนะ )

JUV | Serum Brightening Vit C+ ( 30ml./1,090.- )

รูปภาพ:

จาก 3 แบรนด์ด้านบนที่ใช้ L-Ascorbic Acid เป็น Main Ingredient มาถึงแบรนด์นี้ที่เลือกใช้ฟอร์มที่ต่างออกไปอย่าง Ascorbyl Tetraisopalmitate ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินซีประสิทธิภาพสูง มีความเสถียรที่สูงมาก ดูดซึมสู่ผิวได้ดี แต่ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพและงานวิจัยรองรับก็ยังถือว่าน้อยกว่า L-Ascorbic Acid อยู่พอสมควร นอกจากนี้ยังใส่สารสกัดจากธรรมชาติอย่าง

-

Red Berries Complex :

สารสกัดจากผลไม้ 5 ชนิด ได้แก่ Strawberry, Raspberry, Cranberry, Cowberry และ Redcurrant berries มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลิสระ และช่วยดูแลปัญหาผิวหมองคล้ำ เผยผิวให้แลดูสว่างกระจ่างใส ช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน

-

Well Cap Garcine :

สารสกัดจากธรรมชาติที่ได้รับรางวัลสารสกัดชนะเลิศแห่งประเทศไทยในปี 2013 สามารถต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ลดการระคายเคืองของสิว และทำให้ผิวขาว กระจ่างใส

ซึ่งนับว่าเป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้เซรั่มขวดนี้มีความน่าสนใจ และโดดเด่นมากยิ่งขึ้นนั่นเองฮะ ซึ่งในแง่เนื้อสัมผัสก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว บางเบา ซึมง่าย โอกาสอุดตันค่อนข้างต่ำ

ผลลัพธ์ :หากคาดหวังผลในเรื่องความกระจ่างใส ต้านอนุมูลอิสระ และลดการเกิดสิวในคราวเดียวกันแล้วหละก็เซรั่มขวดนี้เป็นตัวที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว แถมยังมาในราคาที่ค่อนข้างน่าสนใจอีกด้วยล่ะฮะ

fresh Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serum ( 15ml./1,200.- )

รูปภาพ:

เราผ่านเซรั่มวิตามินซีมาก็หลายตัวแล้ว แต่เชื่อไหมว่านี่เป็นเซรั่มขวดแรกที่ทำให้เรารู้สึกอยากทาตลอดเวลา ด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และผลลัพธ์ที่ทำให้ผิวเราดูเปล่งปลั่งจนหลายคนทักมาถามว่าช่วงนี้ใช้อะไรบ้าง ซึ่งนอกจากจะใช้ Ascorbyl Tetraisopalmitate เป็นส่วนผสมหลักแล้ว ทางแบรนด์ยังใส่สารสกัดที่น่าสนใจอย่าง-Cichorium Intybus ( Chicory ) Root Extract :อุดมด้วย Oligofructosans ทำหน้าที่คล้ายวิตามินดี โดยช่วยให้ Vitamin D Receptor ทำหน้าที่ได้ตามปกติในการกระตุ้นยีนที่ทำหน้าที่ควบคุม การแบ่งเซลล์ การเพิ่มจำนวนเซลล์ การผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงช่วยชะลอวัย

ซึ่งต้องบอกว่าเป็นส่วนผสมที่เราไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นักในสกินแคร์ทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังมี Cocos Nucifera ( Coconut ) Oil ที่มี Vitamin E ในปริมาณสูง จึงช่วยลดการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งใส่มาเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซีอีกด้วยล่ะ

ผลลัพธ์ :สำหรับเซรั่มขวดนี้นอกจากผลลัพธ์ในเรื่องความกระจ่างใสแล้ว เรารู้สึกว่าเค้าเด่นในเรื่องการทำให้ผิวเปล่งประกาย ดูสุขภาพดี เหมือนเราดื่มน้ำและพักผ่อนมาเพียงพอยังไงอย่างนั้นเลยล่ะฮะ

Trilogy Vitamin C Booster Treatment ( 12.5ml/1,850.- )

รูปภาพ:

และแล้วก็มาถึงวิตามินซีเซรั่มขวดสุดท้ายแล้ว ต้องบอกว่าตัวนี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยในแง่ส่วนผสม และการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ ซึ่งเซรั่มขวดนี้ทางแบรนด์เลือกใช้ L-Ascorbic Acid 6% เป็นส่วนผสมหลัก เอาจริงๆ ก็ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับหลายแบรนด์ แต่มองในมุมกลับ คือ ความเข้มข้นที่สูงขึ้นของวิตามินซีนั้นมีโอกาสทำให้ผิวระคายเคืองได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่น่าสนใจอย่าง

-

Rosa Canina ( Rosehip ) Seed Oil ( น้ํามันโรสฮิป ) :

น้ำมัน Rosehip มีจุดเด่นที่มีสารกลุ่ม Provitamin A คือ Beta-Carotene ในปริมาณสูง ( ซึ่งทำให้น้ำมันตัวนี้มีสีเหลืองอมส้ม ) และยังมีสารกลุ่ม Retinoid ซึ่งมีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น การช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ อีกทั้งยังทำให้รอยต่างๆ ดูตื้นขึ้น, สีผิวดูสม่ำเสมอ, รูขุมขนดูเล็กลง, หน้ากระชับ และใสขึ้น

-

Bellis Perennis ( Daisy ) Flower Extract ( สารสกัดจากดอกเบลิเดส )

: เป็นไวท์เทนนิ่งที่อุดมไปด้วยสาร Saponins, Polyphenols และ Polysaccharides ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นเมลานินจึงช่วยให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำได้เป็นอย่างดี

ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างกับแบรนด์อื่นค่อนข้างชัด รวมถึงเนื้อสัมผัสที่บางเบา แต่ยังให้ความชุ่มชื้นที่เพียงพอกับผิวได้ดี แต่ปริมาณ/ราคาก็แอบแรงอยู่ไม่น้อยเลยล่ะฮะ

ผลลัพธ์ :เป็นวิตามินซีเซรั่มในฟอร์ม L-Ascorbic Acid ตัวนึงที่ค่อนข้างปลอดภัยในช่วงที่ผิวกำลังระคายเคือง แต่ก็ยังต้องการคงความกระจ่างใส และลดจุดด่างดำ ให้ผิวสม่ำเสมอ

สรุป

รูปภาพ:

กลุ่ม L-Ascorbic Acid

หากคุณเคยใช้ Vitamin C ในฟอร์ม L-Ascorbic Acid อยู่แล้ว และต้องการอะไรที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่กังวลเรื่องการระคายเคือง การอุดตันKiehl's : Powerful-Strength Line-Reducing Concentrateเป็นตัวเลือกที่เราแนะนำฮะแต่หากกังวลในเรื่องการอุดดัน และไม่ชอบเนื้อสัมผัสของ Kiehl's แต่ก็ยังอยากได้ L-Ascorbic Acid ในความเข้มข้นที่สูงแล้วหละก็จัดPaula’s Choice C15 Super Boosterได้เลยจ้า รับรองไม่ผิดหวังแต่ถ้าอยากได้อะไรที่ Advance กว่านั้นขึ้นมาอีกซีกหน่อย มีสารกลุ่ม Peptide หลายตัวที่ช่วยในเรื่องริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงต้องการความสดใหม่ของวิตามินซีClinique Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10%เป็นทางเลือกที่ดีที่เราแนะนำฮะสุดท้าย ถ้าคุณไม่เคยลอง L-Ascorbic Acid มาก่อน แต่อยากลองใช้ และกังวลเรื่องผิวระคายเคือง หรือทนกับ Effect หลังทา Vitamin C ไม่ค่อยได้Trilogy Vitamin C Booster Treatmentก็เป็นตัวเลือกที่โอเคฮะ

...................

กลุ่ม Ascorbyl Tetraisopalmitate

ถ้าคุณคาดหวังในเรื่องผิวกระจ่างใส และลดการเกิดแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวในเวลาเดียวกันอยากให้ลองเจ้าJUV | Serum Brightening Vit C+ดูฮะแต่ถ้าคุณอยากได้อะไรที่ Relax ผ่อนคลายทุกครั้งที่ทาลงบนผิว แถมยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง ดูสขุภาพดีแล้วล่ะก็fresh Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serumเป็นอีกตัวที่คุณควรต้องลองฮะ