สวัสดีค่ะ สาวๆSistaCafeทุกคนนนน
วันนี้ขอพักเรื่องความสวยความงาม เมคอัพแต่งหน้า แฟชั่นทั้งหลายไปก่อน เพราะเราจะมาขอโฟกัสกับโรคโรคหนึ่ง ที่กำลังกัดกินในสังคมสาวๆ สมัยนี้อย่างรุนแรง
เพราะเทรนด์ประเทศไทยตอนนี้ แฟชั่นญี่ปุ่น-เกาหลีกำลังมาแรง นางแบบใส่เสื้อผ้าชิ้นเล็กๆ รูปร่างผอม เพรียวบาง ทำให้สาวๆ ที่เสพสื่อเหล่านี้ อยากผอมแบบนั้นเพราะคิดว่าจะ " สวย " และยอมทำทุกอย่างเพื่อลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการอะไรก็ตาม!
จริงอยู่ที่วิธีไดเอทที่ถูกต้องคือ
' กินน้อยลง + ออกกำลังกาย '
แต่ถ้าทำวิธีนั้นรุนแรง หักโหมมากเกินไปล่ะ??
" อันนี้กินไม่ได้หรอก โควต้าวันนี้แค่ 500 แคลอรี่ ", " วิ่งลู่เสร็จแล้วก็ต้องยกเวทต่อ อย่างน้อยสักสามชั่วโมง "
นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัว!!
ร่างกายของเธอค่อยๆ ซูบลงเรื่อยๆ เพราะไขมันหายไปจำนวนมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว เธอไม่รู้ตัวหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่อยากผอม และคิดว่าถึงจุดหนึ่งก็คงกลับไปกินอาหารปกติได้เอง...
แต่สุดท้ายกลับเกิดอาการเสพติด!
เธอกลับไปกินอาหารเหมือนคนทั่วไปไม่ได้แล้ว เธอกลัวอ้วน! มองกระจกทีไรก็ยังเห็นคนอ้วนมองตอบกลับมาตลอดเวลา ทั้งที่กระดูกโปนออกมาแทบจะทะลุอยู่แล้ว!!
ชัวร์ที่สุด เธอกำลังป่วยเป็น ' โรคคลั่งผอม ' หรือ ' Anorexia Nervosa ' แล้วล่ะค่ะ
ไม่ว่าเธอจะเป็นผู้ป่วยเสียเอง หรือมีคนรู้จักที่อยากให้การช่วยเหลืออยู่ก็ตาม รีบเลื่อนลงมาอ่านบทความนี้ซะ ก่อนที่จะสายเกินไป เริ่มเลยด่วนๆ !!!!
'Anorexia Nervosa' คืออะไร

' Anorexia Nervosa ' หรือที่หลายคนเรียกติดปากกันว่า ' อะนอเร็กเซีย ' นั้น เป็นพฤติกรรมการกินผิดปกติอย่างหนึ่ง ( เป็นโรคหนึ่งในกลุ่มอาการ Binge Eating Disorder ) ลักษณะที่เห็นได้ชัดคือรูปร่างผอมซูบ น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์อย่างรุนแรง กลัวน้ำหนักขึ้น มีความมุ่งมั่นที่จะต้อง " ผอม " ให้ได้ และจำกัดอาหารอย่างหนักค่ะ
ผู้ป่วยโรคนี้หลายคนมักเห็นว่าตัวเอง " อ้วน " อยู่เสมอ แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขาจะผอมจนเห็นกระดูกแล้วก็ตาม และแน่นอนว่าไม่รู้ตัวเอง! ถ้ามีใครสักคนถามว่า " ผอมไปแล้วนะ ป่วยหรือเปล่าเนี่ย " พวกเขาจะปฏิเสธเสียงแข็ง ( เผลอๆ ด่ากลับอีก ) //เป็นห่วงก็ผิดดด
พวกเขาจะย้ำคิดย้ำทำกับตาชั่งน้ำหนักสุดๆ! ชั่งมันทุกวัน เช้า สาย บ่าย เย็น, กินอาหารในปริมาณน้อยสุดๆ ยิ่งกว่าแมวดม ( นกจิกข้าวเปลือกอาจจะกินได้เยอะกว่า ) และจะกินอาหารแค่บางชนิดเท่านั้น ของหวาน มัน ทอดน่ะเหรอ ยี้! ไปไกลๆ แค่นึกก็ขนลุกเกรียวแล้ว!
บางคนจะมีพฤติกรรมออกกำลังกายหักโหมอย่างหนัก หนักขนาดว่าอยู่ในฟิตเนสตั้งแต่เช้าจนมืด ไม่สลบคาลู่วิ่งก็จะวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ว่าอย่างนั้นเถอะ ถ้ากินเยอะเกินกว่าที่ตัวเองคิดไว้แม้สักช้อนเดียว พวกเขาจะวิ่งไปห้องน้ำ บังคับให้ตัวเองอาเจียนออกมาทันที บางส่วนนิยมใช้ยาระบาย / ยาถ่ายชนิดรุนแรงเพื่อให้ท้องโล่ง ตัวเบาๆ จะได้ผอม!
เห็นไหมล่ะว่า โรคนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะเออ
อาการของโรค

> กินอาหารน้อยเกินไป ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ไม่สมดุลกับน้ำหนัก ( ที่เห็นชัดๆ ว่าน้อยอยู่แล้ว )> กลัวว่าน้ำหนักจะเพิ่ม ไม่ได้กลัวธรรมดา แต่ถึงขั้นวิตกจริต! ตัวเลขเพิ่มมาสักขีดจะเป็นจะตายให้ได้ ต้องไปเบิร์นออก 2-3 ชั่วโมง ไม่ว่ายังไงจะไม่ยอมอ้วนเด็ดขาด! ในทางกลับกัน ถ้าตัวเลขลดลงจะยิ้มพอใจ แต่ก็แค่แป๊บเดียว เพราะสักพักก็จะกลัวอ้วนอีก -_-> ความนับถือตนเอง ( self-esteem ) ต่ำ ไม่คิดว่าตัวเองมีคุณค่าในด้านอื่นๆ เลย ยึดติดกับค่านิยมรูปร่างดี = สวย เท่านั้น ถ้าผอมหุ่นดีก็โอเค แต่ถ้าอวบหรืออ้วนก็จะซึมเศร้า ร้องไห้ อยากฆ่าตัวตาย เป็นต้น> มักจะเริ่มมีพฤติกรรมการกินผิดปกติมาเป็นเนืองๆ อยู่แล้ว ระยะเวลาที่เห็นชัดคือประมาณ 3 เดือนค่ะ
สัญญาณอันตรายที่ควรระวัง!

> น้ำหนักลดฮวบในเวลาอันรวดเร็ว เช่น แค่เดือนเดียวลดไปถึง 8-10 กิโลกรัม แบบนี้เริ่มน่าสงสัยละ> วิตกกังวลตลอดเวลาเกี่ยวกับน้ำหนัก, ชนิดอาหาร, จำนวนแคลอรี่, จำนวนไขมันในอาหาร และแน่นอน การไดเอท ไดเอท และไดเอท!!!> ปฏิเสธ ไม่ยอมกินอาหารบางชนิดที่หมายหัวไว้เลยว่า ' กินแล้วอ้วนแน่นอน! ' เช่น ขนมหวาน ของมัน ของทอดทั้งหลาย แน่นอนว่าของพวกนี้ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่แล้วล่ะ แต่ผู้ป่วยโรคนี้จะไม่แตะ ' น้ำมัน ' ในอาหารแม้แต่หยดเดียวเลยน่ะสิ!> ตัดอาหารบางหมู่ออกไปเลย เช่น คาร์โบไฮเดรต ( ไดเอทแบบงดแป้งทุกชนิด ) ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจภายหลัง> รู้สึกว่าตัวเองอ้วน เป็นหมูตอน ช้างน้ำอยู่ตลอดเวลาทั้งที่น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ กลัวอ้วน ในหัวคิดแค่ว่า จะทำยังไงก็ได้ ให้ฉันผอมเพรียวเหมือนไอดอลเกาหลี!
> ไม่ยอมรับว่าตัวเองหิว ( แม้ว่ากระเพาะจะร้องโครกคราก น้ำย่อยไหลย้อนมาถึงหลอดลมแล้วก็ตาม )> คิดวิธีแปลกๆ ในการกินอาหารขึ้นมา เช่น กินอาหารตามลำดับ, เคี้ยวอาหารให้นานกว่าปกติ, จัดเรียงอาหารบนจานเสียใหม่ จะได้อยากอาหารน้อยลง!?
> หลีกเลี่ยงมื้ออาหาร หรือสถานการณ์ใดๆ ที่ทำให้ต้องหยิบอะไรใส่ปาก เช่น งานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์ต่างๆ> มีความมุ่งมั่น ( หรือบ้าดีเดือดนั่นเอง ) ที่จะต้องออกกำลังกายให้ได้ มีปัจจัยอะไรมาขวางก็ไม่หวั่น ฝนจะตก กล้ามเนื้อจะฉีก ปวดหัวเป็นไข้แค่ไหน ก็ต้องฝ่าออกไปเล่นฟิตเนสให้ได้ ถ้าไม่ได้เบิร์นไขมันแล้วใจจะขาด เอื้ออออ
> เริ่มถอยห่างจากกลุ่มเพื่อนสนิทและกิจกรรมที่เคยทำ ( ไดเอทสำคัญกว่า! )
ผลกระทบต่อสุขภาพ

อะนอเร็กเซียคือการทรมานตัวเองอย่างหนึ่ง บังคับให้ร่างกายอดอยากและหิวโหย ( จะได้ดึงไขมันสะสมในร่างกายมาใช้ ) ไม่รับสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติเมื่อทำแบบนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ร่างกายจะเรียนรู้และชินกับการกินน้อย ระบบในร่างกายจะช้าลง เพื่อเป็นการ" ประหยัดพลังงาน "ค่ะโหมด" ประหยัดพลังงาน "ในที่นี้ส่งผลต่อสุขภาพหลายอย่าง แน่นอนว่าในทางที่ไม่ค่อยดี = = เช่น อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงอย่างผิดปกติ, ความดันโลหิตต่ำ นั่นเพราะกล้ามเนื้อหัวใจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้อีกทั้งยังทำให้กระดูกบางลง เพราะไม่มีแคลเซียมเข้าไปบำรุง ส่งผลต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ ผลลัพธ์ที่เห็นชัดคือกระดูกเปราะ ชนนิดชนหน่อยก็ดังกร๊อบ!, กล้ามเนื้อฝ่อและอ่อนแอลง, ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อไตล้มเหลว, เป็นลมหมดสติง่าย, เหนื่อย เมื่อยล้า, ผมแห้ง ผิวแห้ง ผมร่วง, ประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติหรืออาจขาดไปเลยที่สำคัญคือจะเกิดภาวะงอกของขนนุ่มๆ ที่เรียกว่า" Lanugo "ปกคลุมทั่วใบหน้า เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น//ถ้าใครไดเอทหนักจนขนขึ้นที่หน้าแล้ว ระวังตัวเองด่วนนน!
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ' โรคคลั่งผอม '

> 90-95 % ของผู้ป่วยโรคนี้ทั้งหมดเป็นเพศหญิง โดยมีทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน> 0.5 - 1% ของสาวอเมริกันเป็นผู้ป่วยโรคคลั่งผอม> ' Anorexia Nervosa ' ถือเป็นโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยที่สุดในวัยรุ่นเพศหญิง
> 5-20% ของผู้ป่วยโรคนี้รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยโอกาสเสี่ยงจะแปรผันตรงกับระยะเวลาการเป็นโรค พูดง่ายๆ ว่าถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษา ก็จะยิ่งเสียชีวิตได้ง่ายขึ้น!
> ' Anorexia Nervosa ' เป็นโรคทางจิตเวชที่มีอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย ติดอันดับต้นๆ เลยล่ะค่ะ
> Anorexia Nervosa มักเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น-ตอนกลาง ไม่ค่อยพบในวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ
หนทางรักษา ' โรคคลั่งผอม '

โรคนี้เริ่มต้นจากค่านิยมและปัจจัยภายนอก ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยกรรมพันธุ์ ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือ " การรักษาโดยบำบัดทางจิต " ซึ่งพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าช่วยลดความรุนแรงของโรคนี้ลงได้ อาจต้องบำบัดต่อเนื่องนานๆ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงในการป่วยซ้ำจุดสำคัญคือ ปรับทัศนคติในเรื่อง " เพิ่มน้ำหนัก " ว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ฟื้นฟูให้ผู้ป่วยกลับมากินและออกกำลังกายแบบปกติอีกครั้ง มีความสุขทั้งกายและใจ ^-^หากเพิ่งป่วยขั้นเริ่มต้น ให้คำปรึกษา แนะนำ ปลอบโยนโดยผู้เชี่ยวชาญ และแรงกำลังใจจากเพื่อนๆ และครอบครัวก็เพียงพอ แต่หากเป็นโรคเรื้อรังที่มีภาวะซึมเศร้า ต้องใช้ยาต้านซึมเศร้าร่วมด้วยตามอาการค่ะ
คำถาม : ' โรคคลั่งผอม ' รักษาให้หายขาดได้ไหม???

ขอตอบสั้นๆ เลยว่า" ได้ค่ะ! "แน่นอนว่าเธอสามารถหายขาดจากโรคคลั่งผอมได้ แม้ว่าเธอจะทนทุกข์ทรมานกับโรคนี้มานานหลายปีก็ตาม แต่ต้องอาศัยความอดทนและกำลังใจมากๆ แค่เธอคนเดียวอาจไม่พอ ต้องมีกำลังเสริมจากเพื่อนๆ คนรักและครอบครัวรอบข้าง ที่เข้าใจ ไม่ซ้ำเติม และส่งเสริมให้เธอมีพฤติกรรมการกินที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายเป็นปกติในที่สุด ^^
ที่สำคัญ อย่าลืมขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชียวชาญ และทำตามคำแนะนำนั้นอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ ><
======================
จบลงไปแล้วกับการแนะนำ ทำความรู้จักกับโรคคลั่งผอมหรือ Anorexia Nervosa ทั้งความหมายของโรค อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น สัญญาณที่เฝ้าระวัง และหนทางรักษา สาวๆ หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้อยู่ แต่เชื่อเถอะว่าสังคมไทยมีผู้ป่วยโรคนี้แฝงอยู่เยอะมากๆ แต่ส่วนใหญ่ปล่อยเลยตามเลย ไม่ยอมรักษา แม้จะดูหุ่นดี ( ในสายตาคนบางคน ) แต่ถ้าต้องแลกกับปัญหาสุขภาพระยะยาวที่จะตามมา บอกเลยยังไงก็ไม่คุ้มค่ะ
กินอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกายเป็นประจำแต่พอดี เธอก็มีหุ่นที่สวยงามได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องผอมซูบตามค่านิยม เธอก็สวยในแบบของเธอได้ค่ะ อย่าปล่อยให้คนรอบข้างมีอิทธิพลกับรูปร่างหน้าตาของเธอนะคะ ด้วยรักจากซิสต้า ^^
======================
Cr. Anorexia Nervosa [ nationaleatingdisorders.org ]
https://www.nationaleatingdisorders.org/anorexia-nervosa
Cr. What is Anorexia Nervosa?
http://www.nedc.com.au/anorexia-nervosa
บทความที่เกี่ยวข้อง

กินเยอะแล้วรู้สึกผิด! โรคพฤติกรรมการกินผิดปกติ "Binge Eating Disorder"
https://sistacafe.com/summaries/17484

8 เหตุผลทีพฤติกรรมการกิน ทำให้เป็น "โรคซึมเศร้า"
https://sistacafe.com/summaries/2385