Missing Pieces


บทที่ 2 - The First Meeting

เสียงออดวิชาสุดท้ายดังขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัวว่าเวลาผ่านเลยมาขนาดนี้ จากการที่เด็กในห้องมาไม่ถึงสิบคนเพราะโดดไปอ่านหนังสือ แม้ครูจะเข้ามาดูแลเด็กทุกคาบ ทว่าส่วนมากก็ปล่อยให้ทำอะไรตามใจมากกว่า

คินกลับนึกชอบห้องเรียนที่โล่งว่างเช่นนี้ ความวุ่นวายของห้องลดลงไปถนัดตา เลือกที่นั่งได้อย่างอิสระ แต่ละคนตรงนี้ก่อนหน้านี้แทบไม่ได้คุยกันเลย ทว่ามาตอนนี้กลับได้คุยกันในหลายเรื่อง แบกรับความกดดันของอนาคตที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน

คนอื่น ๆ ยังคงนั่งอ่านหนังสือไม่ก็หาอะไรทำต่ออยู่ในห้อง หากเป็นวันอื่นคินก็คงทำเช่นนั้น ทว่าสำหรับวันนี้เขามีนัดกับคนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน เด็กหนุ่มสะพายเป้และกระเป๋ากีตาร์ เอ่ยคำอาลาเรียบง่ายแล้วเดินจากไป

ลงจากชั้นห้าไปได้เพียงชั้นเดียว เสียงที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นเรียกให้สองขาหยุดชะงัก

“คิน! เฮ้ คินใช่มั้ย”ใครคนนั้นตะโกนเสียงดังจนคนทั้งชั้นน่าจะได้ยินกันหมด

คินหันกลับไป พบกับเด็กหนุ่มผิวแทนผมสีน้ำตาลยาวที่น่าจะผิดกฎโรงเรียนยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเด็กสาวห้าคน นัยน์ตาสีดำสนิทมีแววของความมั่นใจระคนท้าทาทายฉาบอยู่ ทว่ามุมหนึ่งกลับดูลึกล้ำเกินหยั่ง คล้ายคลึงกับสีสันที่เปล่งประกายอยู่กลางลำตัว เฉดสีส้มและแดงทอแสงร้อนแรงทว่าลึกลงไปที่แก่นกลางนั้นเป็นสีแดงเข้มจนเขาไม่มั่นใจว่าเป็นสีแดง น้ำตาลเข้ม หรือดำกันแน่

คินมั่นใจว่าไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อน หากได้รู้จักคนตรงหน้าแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ว่าใครก็คงยากที่จะลืม

“ว้าว คินจริง ๆ ด้วย”คนตัวสูงคลี่ยิ้มกว้างพลางรีบสาวเท้าทิ้งจากกลุ่มเข้ามาใกล้

“นาย...”พูดเพียงคำเดียวอีกฝ่ายก็แทรกขึ้น

“ฟรองซ์ ไนซ์ทูมีทยู”คนผมน้ำตาลยาวโอบรอบคอเขาที่แบกกีตาร์อยู่ทำให้ยิ่งรู้สึกหนักขึ้นไปอีก “ไปกันเถอะ”

“ฟรองซ์ มือเบส...?”และอยู่ม.ห้า จากท่าทีสนิทสนมจนยิ่งกว่าคนรุ่นเดียวกันเสียอีก ทำให้คินไม่มั่นใจว่าจะใช่คนเดียวกันกับที่เขารู้จัก

“เยป ฉันเองแหละ”ฟรองซ์ตอบก่อนจะหันไปโบกมือลากลุ่มเด็กสาวที่ตนเพิ่งแยกมา ทั้งสองเดินลงบันไดด้วยสปีดเชื่องช้า การที่อีกฝ่ายยังโอบรอบคอและทิ้งน้ำหนักลงมาทำให้ต้องออกแรงมากขึ้น จะหันไปมองอีกฝ่ายเต็มตาก็ไม่ได้ จากการเดินข้างกันโดยไร้ระยะห่าง เขาจึงได้แต่เหลือบมองใบหน้าด้านข้างคนเป็นรุ่นน้อง

“ทำไมถึงเล่นเบสล่ะ”คินเลิกคิ้ว คนที่ดูโดดเด่นขนาดนี้ดูยังไงก็น่าจะเล่นกีตาร์โซโล่ไม่ก็ร้องนำ หรือแม้แต่กลองก็ยังดูเหมาะยิ่งกว่าเบส

“ก็ขาดคนพอดีนี่นา เพิ่งหัดเล่นตอนถูกชวนเนี่ย”ฟรองซ์ยกแขนออกไปในที่สุด

“แล้วชอบรึเปล่า”

“ก็ไม่เลว เบสมันก็มีเสน่ห์ดี เห็นเขาบอกว่าเป็นหัวใจของวงเชียวนะ รู้สึกเป็นเกียรติชะมัด อีกอย่างนะ ถ้ากีตาร์เป็นผู้ชายที่ร้อนแรง เบสก็เป็นผู้ชายที่สุขุมดึงดูด”คนเป็นรุ่นน้องฉีกยิ้มท้าทายที่มุมปาก

นายคิดว่านายเป็นแบบหลังเหรอ

คินไม่ได้พูดออกไป

ไม่นานนักพวกเขาก็ลงมาถึงข้างล่าง บริเวณม้าหินข้างสระบัวที่คินนั่งเล่นกีตาร์อยู่เมื่อเช้า ทว่ายามนี้ค่อนข้างมีคนมากเดินผ่านไปมา

ขณะที่คินคิดจะหยิบโทรศัพท์เพื่อตามหาสมาชิกวงที่เหลือ สายตาของฟรองซ์ก็หยุดอยู่ที่เด็กสาวสามคนที่ยืนอยู่ริมสระบัวไม่ไกลออกไป ก่อนตะโกนเรียกโดยไม่ลังเล

“เฮ้!วริน นัท อัญ!

อัญ...?

หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปคราหนึ่ง ไม่ใช่ว่าตกใจเสียงตะโกนที่จู่ ๆ ก็ดังจากคนข้างตัว แต่เป็นเพราะชื่อที่ถูกเรียก เมื่อมองตามไปก็พบกับเธอจริง ๆ  เฉดสีงดงามที่เห็นเพียงครั้งเดียวก็ตรึงแน่นอยู่ในใจ ทั้งที่วันนี้เห็นสีสันแตกต่างกันมานับพัน

“เย่ พี่ฟรองซ์!”เด็กสาวผิวแทนโบกมือให้อย่างร่าเริง ขณะที่อัญกับเด็กสาวผิวขาวตัวเล็กอีกคนเพียงหันมามอง “เฮ้ย เจ้อัญ ใช่พี่เขาจริง ๆ ด้วยว่ะ”

“สวัสดี”คินทักเสียงเรียบ มองสบตาทุกคนคราหนึ่ง

“พี่คินใช่ป้ะ”เด็กสาวคนเดิมทัก “นี่นัทนะ”

“อัญ”เธอชี้นิ้วโป้งสองข้างเข้าหาตัวเอง แสงสีแดงแกมชมพูส่องสว่างขึ้นกว่าปกติในจังหวะนั้นราวกับจะเอ่ยคำทักทาย

คินหันมามองเด็กสาวคนสุดท้ายที่ตัวเล็กสุด เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าดูเหมาะกับผิวขาว จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสีชมพูแกมแดงโดยธรรมชาติ เธอหยุดสบตาราวสามวิฯแล้วเอ่ยขึ้น

“วริน”

“ฟรองซ์”

“พี่ไม่ต้องแนะนำตัวละมั้ง เดินมาด้วยกันขนาดนี้”นัทว่า แสงสีเหลืองอ่อนเหลือบฟ้าส่องสว่างอยู่กลางร่าง นุ่มนวลไม่แสบตา เสมือนแสงแรกของยามเช้า

นั่นทำให้เขาอุ่นใจอย่างประหลาด นอกจากเธอแล้วสีสันของคนอื่นก็ให้ความรู้สึกที่โดดเด่นจนคล้ายว่าจะถูกแสงนั้นกลืนหาย

โดยเฉพาะวริน

สีที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเฉดใดโดยเฉพาะเจาะจง เพราะประกอบด้วยสีสดเข้มนับสิบปะปนกันไม่ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งทั้งหมด มีเพียงสีน้ำเงินเข้มที่สะดุดตากว่าสีอื่น น้ำเงินที่เรียบหรูงดงาม ดูสูงส่งจนไม่อาจเอื้อม

คนพวกนี้จะเล่นท่วงทำนองแบบไหนออกมา และจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร

“ไปห้องซ้อมกัน มีหลายเรื่องที่ต้องคุย แต่ถ้ายังไม่เห็นสไตล์แต่ละคนก็ยังตกลงกันไม่ได้”วรินเดินนำออกไป สบตากับคินแวบหนึ่งขณะเดินผ่านราวกับล่วงรู้ความคิดของเขา