รูปภาพ:https://i.gifer.com/1YK5.gif

หนีห่าว! สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่น่ารักทุกคน (๑˃ᴗ˂)ﻭใกล้เข้ามาทุกทีแล้ววว กับเทศกาล ' ตรุษจีน ' ที่คนไทยเชื้อสายจีนกำลังรอคอย ( เพื่อรอรับซองอั่งเปา! อิอิ ) หากได้เดินเที่ยวสถานที่ต่างๆ ก็จะเห็นว่าย่านที่คนจีนอยู่กันเยอะ เช่น เยาวราช เริ่มมีตกแต่งโคมสีแดงระย้าประดับตามถนนและร้านค้ากันแล้ววัดจีนที่ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่างๆ สำหรับคนปีชงก็เริ่มตื่นตัว ครึกครื้นมากขึ้น เพื่อต้อนรับวันขึ้นปีใหม่แห่งจันทรคติในวันศุกร์ที่ 12 กุมภาในปี 2021 ที่จะถึงนี้นั่นเองค่ะ #เตรียมเผาแมสก์กระดาษส่งให้บรรพบุรุษแล้วนะเนี่ยยสำหรับคนไทยทั่วไป น่าจะเคยชินกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรื่นเริง สนุกสนานเหล่านี้ ได้อิ่มอร่อยกับขนมมงคล อาหารจีนเมนูพิเศษที่ทำเฉพาะตรุษจีน หรือสายช้อปปิ้งก็จะได้โปรเด็ดๆ เพื่อเอาใจคนเฉลิมฉลองเทศกาลนี้โดยเฉพาะแต่อาจไม่รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่ด้านดี เมื่อฉลองความมงคลไปแล้ว ก็จะมีข้อห้ามเพื่อป้องกันความอัปมงคลเช่นกัน (แ ม้บางอย่างจะดูพิลึกๆ ในยุคนี้ก็เถอะ ) !ถ้าอยากรู้ว่าคนจีนเขาไม่โอเคกับเรื่องใดบ้าง ลองมาอ่าน' 7 ข้อห้ามและความเชื่อแปลกๆ ในวันตรุษจีน 'ไว้ประดับความรู้ไว้เล่นๆ ก็ไม่เสียหายน้า มีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่า~~~

1. หลีกเลี่ยงที่จะ ' กินยารักษาโรค / ยาสมุนไพร ' ในช่วงตรุษจีน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/29d83541bdfe9dfc8a7704dc179c9923.jpg

ความเชื่อข้อแรก คนที่ร่างกายภูมิคุ้มกันต่ำ ป่วยง่าย ต้องกินยาบ่อยๆ ถ้ากลัวเรื่องความอัปมงคลของธรรมเนียมจีน ถ้าไม่ได้มีโรคร้ายแรงที่ต้องกินยาทุกวัน อาจจะต้องทำตัวให้ ' คลีน ' ในช่วงนี้

นั่นหมายถึงหยุดหรืองดการกินยารักษาโรค กินยาเม็ดลูกกลอน ชงชาสมุนไพรต่างๆ ในช่วงนี้ไปก่อน อย่างน้อยก็ควรเว้นให้ได้ในวันแรกของเทศกาลตรุษจีน เพราะคนจีนเชื่อว่า ' ถ้ากินยาตั้งแต่วันแรกของปี ก็จะป่วยไปตลอดปีเช่นกัน '

ในบางพื้นที่ของจีน เมื่อมีเสียงสั่นกระดิ่งตอนเที่ยงคืนตรงเผง บอกเป็นสัญญาณว่าปีใหม่ ( ตรุษจีน ) ได้มาถึงเรียบร้อยแล้วนั้น คนที่กำลังป่วยจะทุบหม้อยาของตัวเอง เพราะเป็นความเชื่อว่าประเพณีนี้ จะช่วยขับไล่ความเจ็บป่วยออกไปในปีที่จะมาถึง//ส่วนตัวแอบนึกถึงประเพณีของคนไทย ที่ทุบหม้อข้าวตัวเองเพื่อสร้างความฮึกเหิม ก่อนออกไปรบในช่วงสงครามเลยนะเนี่ย

2. ไม่กิน ' โจ๊กและเนื้อสัตว์ ' ในมื้อเช้าวันตรุษจีน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5383d1f490fb4b96ac405280d0a15961.jpg

ความเชื่อข้อที่สอง ในความเชื่อของคนจีน ถ้าปีนี้อยากรับเงินรับทอง เฮงสุดๆ ไปตลอดทั้งปี การเลือกอาหารในมื้อเช้าวันแรกของปีใหม่เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่จะกินอะไรก็ได้!


สิ่งที่ต้องห้ามสุดๆ คือ ' โจ๊ก / ข้าวต้ม ' ที่ไม่ควรกินเป็นอันขาด เพราะจะถูกมองว่ามีฐานะต่ำต้อย เป็นคนยากจนที่มีปัญญากินแค่ข้าวต้มเท่านั้น เป็นลางร้ายที่เชื่อว่า เริ่มต้นด้วยอาหารราคาถูก ก็จะได้กินแต่ของราคาถูกๆ ไปทั้งปีค่ะ

ไม่ใช่แค่โจ๊กหรือข้าวต้มเหลวๆ เท่านั้นที่คนจีนค่อนข้างแขยง แต่ ' เนื้อสัตว์ทุกชนิด ' ก็นำมารวมเป็นข้อห้ามในการกินมื้อเช้าเช่นกัน เพราะถือเป็นการให้เกียรติและเคารพพระพุทธเจ้า ( ซึ่งมีความเชื่อว่าพระองค์ไม่สนับสนุนการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต )


และมีความเชื่อว่าพระเจ้าทุกๆ องค์จะเสด็จลงมาทักทายและอวยพรปีใหม่ซึ่งกันและกัน ดังนั้นไม่ควรกินเนื้อสัตว์ให้ท่านไม่พอใจและอาจจะโชคร้ายได้ค่ะ

3. ลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ' ห้ามไปเยี่ยมบ้านของพ่อแม่ ' ในวันแรกของตรุษจีน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8e5a3d6d4ad702c9d1d84c1ae05df810.jpg

สาวๆ คนไหนที่แต่งงานแล้ว อย่าเพิ่งหัวร้อนกับข้อนี้นะคะ เตือนตัวเองว่ามันเป็นแค่ความเชื่อโบราณเท่านั้น!

คนจีนสมัยก่อนจะมีธรรมเนียมว่า ถ้าลูกสาวคนไหนในบ้านที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ห้ามเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวตัวเองในวันก่อนวันปีใหม่, วันแรก, วันที่ 4-5 ของปีใหม่จีน เพราะเชื่อกันว่าจะนำมาสู่ ' โชคร้าย ' กับผู้มีพระคุณทั้งสองค่ะ

โชคร้ายที่ว่าจะเน้นในเรื่อง ' ทรัพย์สินเงินทอง ' คือทำให้เกิดความอัตคัดขัดสน ไม่มีจะกิน ยากจน เงินในบัญชีมีไม่พอใช้ เพื่อป้องกันโชคร้ายนี้ ลูกสาวต้องมาในวันที่สองของตรุษจีนเท่านั้น


และเมื่อมาถึงก็ควรอยู่นานพอที่จะกินมื้อเที่ยงร่วมกัน และรีบกลับบ้านในช่วงเย็นก่อนฟ้ามืด ไม่อย่างนั้นจะทำให้พ่อแม่โชคร้ายได้เช่นกัน


ถ้าลูกสาวไม่ว่างมาวันที่สองของตรุษจีนจริงๆ ก็ต้องเลื่อนไปถึงวันที่สองของเดือนที่สองตามจันทรคติ เช่น ปีนี้วันแรกคือ 12 กุมภาพันธ์ ถ้าอยากเจอที่บ้านโดยไม่ต้องกังวลเรื่องโชคลาง ก็ต้องรอไปถึง 13 มีนาคมเลยทีเดียว

4. เลี่ยงการ ' ยืมเงินจากคนอื่น/ ถูกขโมยของ '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/975ecb3a95b4011697a34841a36d1ac2.jpg

หากไม่อยากโชคร้าย มีปัญหากับเรื่องต่างๆ ไปตลอดทั้งปี พยายามอย่าปล่อยให้ตัวเอง ' โดนขโมยของ ' ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ถ้าของหายโดยไม่รู้สาเหตุและอาจโดนขโมยไป คนจีนจะยึดถือว่าเป็นลางไม่ดี


โดยเฉพาะเงินสดที่หากหายไปจากกระเป๋า ก็เป็นความเชื่อว่าความร่ำรวยในปีที่จะมาถึงนี้ก็จะถูก ' บางอย่าง ' ขโมยไปจนหมดสิ้นเช่นกัน #หมดกันเส้นทางเศรษฐี

นอกจากการระวังตัวไม่ให้ของหายแล้ว อีกความเชื่อคือ ' อย่ายืมเงินใคร ' ตลอดช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนก็ไม่ควรไปขอยืมเพราะจะถือเป็นลางร้าย และหนี้ต่างๆ ที่เธอเคยไปกู้หนี้ยืมสินใครไว้ ก็ต้องชำระคืนให้หมดภายในวันก่อนขึ้นปีใหม่จีนด้วยเช่นกัน

และยังมีข้อห้ามอีกข้อคือ ใครที่ติดค้างเงินที่ขอยืมเธอไป อย่าไปทวงถึงบ้านในช่วงนี้ เพราะจะทำให้เธอเองโชคร้ายไปทั้งปีแทนด้วยค่ะ

5. ไม่กระทำการ ' ฆ่าสิ่งมีชีวิต ' ไม่ว่าสิ่งไหนก็ตาม

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/fd81d1bf586d88eea7404fd1c060174e.jpg

อย่างที่เกริ่นไปในข้อบนๆ ว่าคนจีนนับถือศาสนาพุทธ หลายคนบูชาพระพุทธเจ้าที่ต่อต้านการฆ่าสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดังนั้นสาวๆ ที่ค่อนข้างยึดถือโชคลาง ก็ไม่ควรฆ่าสิ่งใดตั้งแต่ช่วงวันที่ 1-15 ของเทศกาลตรุษจีน ( เช่น ปีนี้เริ่มวันที่ 12 กุมภา ก็จะไปจบวันสุดท้ายที่ 26 กุมภา )

เพราะ ' เลือด ' เป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บป่วย หรือเป็นลางที่ไม่ดี อาจทำให้เกิดโชคร้าย เช่น โดนมีดบาด หรือเจออุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติที่เลือดตกยางออกได้

ในสมัยก่อน คนจีนตามต่างจังหวัดมักจะเลี้ยงสัตว์เพื่อรอนำมาทำเป็นอาหารในวันตรุษจีน เช่น ไก่ เป็ด หมูหรือปลา


แต่เพื่อป้องกันความโชคร้ายที่จะมาถึง พวกเขาจึงจำเป็นต้องจัดการสัตว์เหล่านั้นให้เสร็จเรียบร้อยก่อนวันขึ้นปีใหม่ หรือวันก่อนวันขึ้นปีใหม่ เพื่อทิ้งโชคร้ายเก่าๆ ให้ไหลไปรวมอยู่กับปีเก่าให้หมดค่ะ

6. ไม่ใส่เสื้อผ้า 'สีขาวและสีดำ'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/825d9f41b4fa6d1f879cb87303a1b88a.jpg

ความเชื่อข้อที่หก หันมาที่ความเชื่อด้านการแต่งกายกันบ้าง! ไม่ใช่แค่คนจีนเท่านั้น แต่คนเกือบทั่วโลกในสมัยก่อนก็มีธรรมเนียมโชคดี โชคร้ายเกี่ยวกับสีของเสื้อผ้าในวันตามเทศกาลต่างๆ

ซึ่งสำหรับประเทศจีน สีที่ห้ามใส่ในวันตรุษจีนเด็ดขาดเพราะถือเป็นลางไม่ดีอย่างสุดๆ คือ ' สีขาวและดำ ' เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความอาลัยโศกเศร้า ความตาย หรือเป็นสีของงานศพนั่นเอง เผลอแต่งไปงานมงคล โดนญาติผู้ใหญ่มองแบบตำหนิแน่นอน

เพื่อให้เทศกาลนี้มีแต่ความมงคล คนจีนจะนิยมใส่ ' สีแดง ' กันเป็นหลักเพราะสื่อถึงความสนุกสนานและร่าเริงสดใส

แต่ถ้าไม่มีสีแดงในตู้เสื้อผ้าจริงๆ อย่างน้อยก็ควรเป็นสีที่ค่อนข้างเข้มและมีชีวิตชีวาสักหน่อย เช่น สีโทนนีออน สีช็อกกิ้งพิ้งค์ สีฟ้า สีเหลืองมัสตาร์ด เป็นต้น เท่านี้ก็ไม่มีโชคร้ายมาย่างกรายแล้ว

7. ไม่เล่าเรื่องที่ทำให้ 'ใจคอไม่ดี จิตตก'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1592cc530a2a8e0d2c3036ce58cc616e.jpg

คนส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่คนไทยแต่ทั้งโลกมักสนใจในเรื่องสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติกันทั้งนั้น ฟังแล้วเซลล์ประสาทตื่นตัว กำลังทำงานง่วงจะหลับก็เปิด the shock สักหน่อยรับรองตาสว่างทั้งคืน!

แต่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยเฉพาะวันก่อนขึ้นปีใหม่และวันปีใหม่วันแรก ไม่ใช่เวลาที่สมควรเล่าเรื่องประเภทนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นลางแย่ๆ ที่จะดึงดูดสิ่งอัปมงคลมาตลอดปีนี้

ไม่ว่าจะประสบการณ์เรื่องเล่าลี้ลับ แปลกประหลาด ความตาย ผีสางนางไม้ หรือถึงแม้ไม่ใช่มิติพิศวง แต่เป็นเรื่องของความรุนแรง วิปริต โรคจิตที่ฟังแล้วใจหายใจคว่ำ หดหู่ ซึมเศร้า ก็ไม่ควรนำมาเล่าให้คนอื่นฟังด้วยประการทั้งปวง

ตามหลักความเชื่อของคนจีนจริงๆ ห้ามพูดแม้แต่คำว่า " ตาย " ด้วยซ้ำ หลุดปากออกมาคำเดียว โชคลาภปลิวหนีหายหมด กลายเป็นปีที่ตกต่ำแทน ดังนั้นเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่าค่ะ

รูปภาพ:https://i.imgur.com/8cKelmh.gif

----------------------------------

อ่านจบถึงตรงนี้ สาวไทยหลายคนอาจขมวดคิ้วเล็กน้อยถึงปานกลาง กับความอิหยังวะของความเชื่อบางข้อของคนจีน ( เราก็เป็น -__- ) แต่ก็เข้าใจว่าเป็นธรรมเนียมที่เชื่อกันมาแต่โบราณ และกลายเป็นประเพณีที่ฝังรากลึกในกลุ่มคนอาวุโสบางคนไปแล้ว การรู้ไว้ใช่ว่าของข้อห้ามเหล่านี้ ก็อาจมีข้อได้เปรียบในการเป็นมิตรและปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ คนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนได้ดียิ่งขึ้น หรือถ้าแอบเล็งหนุ่มตี๋ หนุ่มจีนไว้ จะได้เข้าหาที่บ้านเขาได้ชิลล์ๆ ไม่ขัดใจแม่แฟนด้วย >//<บางข้อเราอาจจะมีข้อสงสัย ไม่เชื่อเต็มร้อย แต่ถ้าทำแล้วคนที่เราแคร์สบายใจ เราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็อาจต้องปล่อยให้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลกันไปเนอะ สุดท้ายนี้ก็ขอให้สาวซิสทุกคนเฮงๆ ปังๆ รวยๆ สุขภาพแข็งแรง ได้โชคได้ลาภ ฝ่าวิกฤติโควิดไปด้วยกันนะคะ ไจ้เจี้ยน!