“ก็ยังคงรอให้ใครสักคนเดินเข้ามา และยังไม่รู้ว่าเราจะเจอกันเมื่อไหร่ และถ้าได้พบจะไม่ปล่อยให้ไปไหนไกล จะมีคำถามที่เก็บไว้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนมา..”
เพลงนี้สาวๆ จะมอบให้ใครเราไม่รู้ แต่สำหรับเรา จะมอบให้ใครไม่ได้นอกจากผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคอย่าง
น้ำมันมหัศจรรย์ ‘ Argan Oil ’
เลยค่ะ เพราะน้ำมันที่ว่านี้มันช่างเหมาะกับผิวเราที่แสนจะ
แห้ง
และ
แพ้ง่ายมากๆ
จนแปลกใจปนสงสัยว่าเจ้าน้ำมันนี้หายไปอยู่ที่ไหนมาตั้งนาน
แต่ต้องขอแอบกระซิบก่อนว่าความแพ้ของผิวเรานั้นไม่ธรรมดานะ แพ้ได้แม้กระทั่งสบู่ แชมพู น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ รอบตัว ไม่เพียงแค่นั้น ยังแห้งไปถึงแห้งมาก จนชักจะเริ่มกลัวว่าผิวเหี่ยวเร็วเกินวัย แถมดูไม่ชุ่มชื้น ไม่ใสเปล่งปลั่ง ออร่าหาย เราเลยพยายามที่จะหาผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคต่างๆ มาเป็นตัวช่วยอยู่เสมอ ..
และแล้วสุดยอดผลิตภัณฑ์ที่อยู่กันคนละซีกโลกอย่าง Argan Oil กับสาวผิวแพ้ง่ายอย่างเราก็โคจรมาพบกันค่ะ
ถ้าอย่างนั้นขอตัวไปล้างหน้าแป๊บ แล้วค่อยมาดูกันว่าเราจะจัดการกับเจ้า Argan Oil ทั้งสองขวดนี้ยังไง ไปกันเลย
Argan oil คืออะไร
ก่อนจะไปดูขั้นตอนการใช้ แวะมารู้จักกับ
Argan Oil
กันซักนิด..ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อว่าออร์แกนิคบางชนิดต้องอาศัยการสกัดด้วยกลวิธีทางเคมี แต่สำหรับออยล์ตัวนี้เค้าใช้
วิธีออร์แกนิคล้วนๆ
กว่าจะสกัดมาได้ต้องผ่านกระบวนการที่หลากหลาย บางแห่งใช้
วิธีสกัดเย็นจากเมล็ดในผลของต้น Argania
และบางแห่งก็ใช้
วิธีสกัดจากเมล็ดในมูลของแพะที่กินผล Argan บนต้นกันเลยทีเดียว!
ใช่แล้วค่ะ..เจ้าแพะไม่ได้รอกินผลที่ตกลงมาอยู่ที่พื้นนะคะ คุณแพะเค้าปีนต้น เพื่อไปกินผลกันถึงข้างบนเลยค่ะ พูดแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ ไปยืนยันด้วยตาตัวเองกันเลย
ต้น Argania
นี้ก็ไม่ได้หาดูง่ายๆ ตามริมรั้วบ้านเรานะคะ เจ้านี่ไปเติบโตได้ดิบได้ดีที่
ประเทศโมร็อคโค
ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความลึกลับ มีเสน่ห์และโรแมนติก รวมทั้งยังมีภูมิประเทศที่หลากหลาย มีอาณาเขตติดต่อกับหลายพื้นที่ทำให้ภูมิอากาศก็หลากหลายไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นร้อนแห้งแล้งทะเลทราย หิมะขาวโพลน และลมแรงบนเทือกเขาสูง..และด้วยสถานที่เกิด และกระบวนการสกัด
น้ำมัน Argan
เหล่านี้นี่เองทำให้ราคาของเจ้าน้ำมันตัวนี้ค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่มากเกินไปกว่าจะจับต้องได้นะ
ส่วนประโยชน์ของArgan Oilก็สูงลิ่วไปด้วยเช่นกันค่ะ เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำมันคุณภาพสูง ส่วนประกอบจึงดูหรูไปด้วย แต่ตัวเด่นๆที่น่าสนใจคือ
กรดไขมันไม่อิ่มตัว ( Essential Fatty Acid )เช่น กรดไขมันโอเมก้า ช่วยพัฒนาเซลล์ผิวที่ร่างกายไม่สามารถทำเองได้ ลดการอักเสบของผิว สร้างความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้กับผิวหนัง
วิตามินอี ( Vitamin E )ในน้ำมันอาร์แกนมีวิตามินซีสูงกว่าน้ำมันมะกอกถึง 3 เท่าเลยล่ะค่ะคุณผู้ชม ข้อดีของวิตามินซีคือช่วยปกป้องและลดความแห้งกร้าน บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม อ่อนเยาว์ ลดรอยหมองคล้ำ กระ จุดด่างดำได้อีกต่างหาก
Squaleneหรือสารต้านอนุมูลอิสระชนิดนี้สามารถสร้างขึ้นเองได้โดยธรรมชาติ ความพิเศษของสารนี้คือช่วยลดการกระตุ้นยีนส์ที่ทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ด้วยนะ
สุดยอดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ‘AMIRA’ – Argan Oil & Argan Milk
เอาล่ะค่ะ พร้อมแล้วก็มาทำความรู้จักกับน้ำมันคู่ใจของเรากันต่อเลย
AMIRA
เป็นแบรนด์หนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค และตัวที่ขึ้นชื่อสุดๆ ก็คือ
‘Argan Oil’
เป็น
100% Pure & Organic Argan Oil
เลยทีเดียว ส่วนผลิตภัณฑ์อีกตัวอย่างเซรั่มน้ำนม
‘Argan Milk’
ก็เป็นคู่หูตัวสำคัญของออยล์ที่ควรพกไว้ใช้ร่วมกัน มาลองใช้ไปพร้อมๆ กันทีละ step เลย
เสร็จแล้วค่ะ ขั้นตอนมีแค่นี้เอง ง่ายมั้ยล่ะ อ่ะแต่ว่ากว่าจะผันตัวมาเป็นสาวกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคได้ก็ไม่ง่ายเลย สาวๆ ผิวแพ้ง่ายคงเข้าใจดีว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคประเภท
no alcohol , no perfume
และอีกหลายๆ no มันสำคัญกับชีวิตเรามากขนาดไหน แม้เริ่มใช้แรกๆ จะรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ได้กลิ่นหอมๆ เลย แต่เมื่อใช้ไปสักพักก็จะรู้สึกได้ถึงความ
ออร์แกนิ๊ค ออร์แกนิค
และติดใจในสัมผัสที่อ่อนนุ่มของ
เซรั่มน้ำนม
กับ
เนื้อออยล์
ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะแบบไม่รู้ตัว
นอกจากนี้กลิ่นอ่อนๆ เบาๆ ช่างเหมือนลมบางๆ ที่พัดโชยกลิ่นเปลือกไม้ในป่าเขียว รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเหล่านี้ก็ช่างเวิร์คแสนเวิร์ค ช่วยล็อกความชุ่มชื่นให้กับผิวเราได้เริ่ดสุดๆ ตอนนี้เราก็เลยกลายเป็น
แฟนพันธุ์แท้
เจ้า
น้ำมันอาร์แกน
นี่อย่างเต็มตัว ถอนตัวไม่ขึ้นเลยค่ะ
ถ้าอยากล็อกผิวหน้าให้ดูสดใส ชุ่มน้ำฉ่ำวาวจนเพื่อนสาวสงสัยว่าทำไงจะได้หน้าเงาลุคสาวเกาหลีแบบนี้บ้างก็อย่าลืมเจ้าคู่หูArganคู่นี้นะคะ รับรองว่าน้ำมันอาร์แกน 2 ขวดนี้ไม่ทำร้ายผิวแน่นอน แต่ถ้าสาวคนไหนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเหมาะกับผิวตัวเองหรือไม่ก็อาจทดสอบทีละนิด หรือใช้เฉพาะจุดก่อนก็ดีค่ะ จะได้safety firstไง ;)
