ในความสัมพันธ์ของคนเราก็มีทั้งราบรื่น และมีปัญหา ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าปัญหาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะพลาดกันก็คือ การที่หวังในความสัมพันธ์มาก ซึ่งถ้ามากในระดับปกติก็อาจจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ผู้หญิงบางคนที่เชื่อใจในความสัมพันธ์มาก และหวังให้ความรักตัวเองราบรื่นจนอาจก้าวล้ำ หรือใช้สิทธิ์ของการเป็นคนรักมากเกินไปจนลืมถึงความเหมาะสม ไม่นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายจนเกิดเป็นปัญหา ซึ่งปัญหาทีว่านี้ก็คือ การขอในสิ่งที่ตัวเองต้องการจากผู้ชาย ซึ่งบางเรื่องอาจไม่เท่าไหร่ แต่มีอยู่ 7 เรื่อง ที่ผู้ชายส่วนมากยอมรับเลยว่า หนักหนาเกินไป จนอาจทำให้ความสัมพันธ์ร้าวฉานได้ ซึ่ง 7 ข้อต้องห้ามนี้ ผมได้นำมาแบ่งปันให้คุณผู้หญิงได้ทราบกันถ้วนหน้าแล้ว และคำขอเหล่านี้มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยนะครับ

มีสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรนำไปถามแฟนของตัวเองเลย นั่นก็คือ "ให้เลือกระหว่างคุณ กับแม่ ของเขา" เพราะถึงแม้บางครั้งเวลาทำอะไร เขาก็จะนึกถึงคุณเป็นคนแรกก็เถอะ แต่ยังไงแม่ของเขาก็คือแม่ คนที่เป็นผู้ให้กำเนิด ให้เขาได้มาอยู่บนโลกนี้ และได้มาเจอคุณนี่ไงล่ะ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะรู้สึกไม่ชอบใจ หรือเข้ากับแม่ของเขาไม่ได้ ก็ขอให้เก็บไว้แค่ตัวเองคนเดียวพอ อย่าได้เอาเรื่องนี้ไปถกประเด็นกับหนุ่มๆ เลยนะง้าบ เพราะหากคุณได้งัดเอาคำถามนี้มาใช้ หรือแสดงออกว่าไม่ชอบใจมากๆ แล้วเนี่ย มันจะเกิดรอยร้าวระหว่างคุณกับเขา ไม่ใช่เขากับแม่ แน่นอนเลยนา...

คุณผู้หญิงทั้งหลาย พออ่านมาถึงข้อนี้แล้วอาจจะถึงกับ "หืม...อะไร ก็มันจริงนี่นา แปลกตรงไหนที่จะไม่อยากให้มองผู้หญิงอื่น" ครับๆ เข้าใจ ผู้ชายทุกคนก็เข้าใจ แต่ว่าห้ามมองเลยเนี่ยนะ ถ้าคุณผู้หญิงลองคิดดูดีๆ ว่าตัวเองก็ห้ามสายตา ไม่ให้มองผู้ชายหล่อๆ ไม่ได้เหมือนกันใช่มั้ยเอ่ย... นั่นแหละ แฟนของคุณก็เหมือนกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองผู้หญิงสวยๆ มันเป็นระบบอัตโนมัติ เพราะแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังมองเองเลย ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่ผู้ชายจะมอง ตราบใดที่แค่มองอ่ะนะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาไปหลีใส่สาวคนอื่นล่ะก็ ตอนนั้นแหละ ถึงเหมาะที่จะโดนตำหนิเนอะ!

คุณอาจจะมีเพื่อนผู้หญิงด้วยกันที่สนิทกันมากๆ แล้วสามารถรับฟังคุณได้ทุกเรื่องอย่างตั้งใจ แต่นั่นคือวิสัยของผู้หญิง เพราะไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะเป็นนักฟังที่ดี อันนี้ไม่ใช่ข้อแก้ตัวของผู้ชาย แต่อยากบอกว่าอย่าไปโกรธตอนที่แฟนคุณไม่ฟังคุณเหมือนเพื่อนสาวของคุณเลย เวลาที่มีการพูดคุยกัน ผู้ชายจะมองไปที่การแก้ไขปัญหามากกว่า ในขณะที่ผู้หญิงจะเน้นระบายอารมณ์ความรู้สึกมากกว่า

ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลย ก็คืออย่าบอกให้เขาล้มเลิกความชอบ สิ่งที่เขาสนใจ ไปจนถึงความฝันของเขาเพื่อคุณ เพราะแรงบันดาลใจของเขา ความฝันของเขาอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาได้มาเจอกับคุณก็ได้ และมันก็คือส่วนหนึ่งที่เป็นตัวตนของเขาด้วย การที่คุณไปขอให้เขาล้มเลิกแบบนี้จะกลายเป็นว่าคุณไม่ยอมรับตัวตนของเขา ดังนั้นอย่าให้เขาเลือกระหว่างคุณ กับงานที่เขารัก แต่แทนที่จะให้ล้มเลิก คุณควรลองช่วยเขาแบ่งเวลาที่ใช้กับคุณ และเวลาที่เขาจะได้ใช้กับสิ่งที่เขาสนใจน่าจะไปกันได้ดีกว่าเยอะเลยนะครับ ^^

มีอยู่อย่างหนึ่งที่คนรักกันส่วนใหญ่มักจะทำพลาดกันอยู่เสมอเลยนั่นก็คือ การพยายามเปลี่ยนอีกฝ่ายให้ดีขึ้น แต่ดีขึ้นในแบบที่ตัวเองต้องการ... ถึงแม้ว่าคนรักของคุณจะต้องมีข้อเสียที่คุณไม่ชอบอยู่ก็เถอะ ถ้าเป็นแบบนั้นคุณควรลองช่วยเขาแก้ไขข้อเสียนั่นให้ดีขึ้น มากกว่าจะพยายามไปเปลี่ยนเขาให้เป็นอีกแบบดีกว่านะ

ถึงแม้คุณจะรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนของเขา ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม หรือแม้คุณจะคิดว่าเพื่อนของเขาเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่ดี ไม่ก้าวหน้า หรือแย่ลงก็ตาม อย่าได้ไปห้ามเขาไม่ให้คบกับเพื่อนเหล่านั้น เพราะถ้าคุณไปห้ามเขาล่ะก็ จะทำให้คนรักของคุณรู้สึกไม่ดี เหงา แล้วก็จะเริ่มรู้สึกแย่กับคุณมากยิ่งขึ้น

จากการศึกษาหลายๆ เคส ค้นพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะรักษาความทรงจำที่พิเศษมากกว่าผู้ชาย ดังนั้นอย่าเพิ่งเกรี้ยวโกรธอาละวาดเกินไปนะ ถ้าแฟนของคุณจะจำโมเมนต์บางเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคุณกับเขาไม่ได้ อย่างทุกๆ รายละเอียดเกี่ยวกับคุณ เสื้อผ้าที่คุณใส่ตอนเจอกันครั้งแรก กับมุกแรกที่คุณเล่นกับเขาอะไรพวกนี้
การที่จะเป็นคู่รักที่คบกันไปได้นานๆ เนี่ย อาศัยแค่ความรักอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้รักนั้นยืดยาวไปได้ แต่มันต้องต้องอาศัยความพอดี ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ต้องมีความสมดุลระหว่างสิ่งที่คุณให้ และสิ่งที่คุณต้องการ และพยายามคิดในแง่มุมของอีกฝ่ายเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจากการคิดมาก หรือแม้กระทั่งการเรียกร้องเกินไป ซึ่งผู้ชายอาจไม่เคยบอก หากผู้หญิงคนไหนได้มาเห็นเรื่องนี้ก็คงเข้าใจมากขึ้น และขอให้รักยั่งยืนยาวนะคร้าบบบ
(Ɔ ˘⌣˘)♥(˘⌣˘ C)
บทความที่เกี่ยวข้อง
Comments