1. SistaCafe
  2. To Be (Still) Living Together เรื่องสั้นจากความสัมพันธ์จริง

เสียงฝนตกกระทบกระจกของร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ในย่านใจกลางเมือง เคล้าไปกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชาหลากชนิด ในตอนที่ยังเด็ก ‘ฉัน’ ได้แต่คิดว่าผู้ใหญ่ทุกคนคงชอบดื่มกาแฟ แต่แล้วเมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้นเข้าจริง ๆ ฉันกลับหลงรักรสชาติอันอบอุ่นของชาเสียมากกว่า

เพราะอย่างนั้นวันนี้ฉันเลยขอเป็นคนเลือกร้านในการนัดพบกันในรอบปีของ ‘เรา’ ฉันโบกมือให้ ‘เธอ’ ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้าน และกำลังเก็บร่มที่เปียกฝนในเวลาเดียวกัน เธอแวะไปยังเคาน์เตอร์บาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม ก่อนจะเดินตรงมายังโต๊ะด้านในสุด ริมหน้าต่าง ด้วยรอยยิ้มพริ้มใจเช่นทุกปี เราทั้งสองโผกอดกันเหมือนอย่างตอนอยู่โรงเรียนมัธยม

“ไงล่ะ นัดกันที ขนาดฟ้าฝนยังตกใจเลย”

ฉันพยักพเยิดหน้าไปยังนอกหน้าต่าง ที่ดูเหมือนฝนจะค่อย ๆ กระหน่ำตกแรงขึ้น

“ชีไม่ได้ตกใจแต่ฉลองให้รึเปล่า สร้างบรรยากาศฟีล ASMR” เธอตอบอย่างติดตลก

เราทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม จากนั้นเครื่องดื่มของฉัน ‘ชาอู่หลง’ ชาจีนหอมละมุนจาง ๆ ที่มาพร้อมเซตกาชาร้อน และจอกเล็ก ๆ กับ ‘ชานมซีลอน’ ชานมหอมนุ่มที่เสิร์ฟในแก้วใสขนาดกำลังดี ของเธอก็มาถึงตามลำดับ

“เดี๋ยวนี้แกกินชาจีนเลยหรอ” เธอถาม หลังจากที่พนักงานหันหลังเดินกลับไป

มีหนุ่มชอบชงให้กิน เดี๋ยวนี้เลยเข้าวงการชาด้วยเลย”

ฉันตอบระหว่างที่ยกกาน้ำชาเทลงจอกด้วยความระมัดระวัง ในขณะนั้นเองที่ปลายตาของฉันเหลือบไปเห็นแววตาของเธอ แววตาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใด ก็ฟ้องเสียงดังฟังชัดว่า “แหมมม” กำลังจะหลุดออกมา

ฉันจึงรีบชิงเปิดบทสนทนา ก่อนที่เธอจะเริ่มสวมบทเป็นนักสืบสาว สอบสวนตั้งแต่เจอกันได้ไม่ถึง 10 นาที

“แล้วปีที่ผ่านมาแกเป็นไง ที่ทำงานใหม่โอเคไหม?”

ฉันถามขึ้น เพราะจำได้ดีว่า วันที่เรานัดเจอกันเมื่อปีก่อน เธอบ่นเรื่องเจ้านายเก่าให้ฟังตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่นานหลังจากนั้น ในเย็นวันหนึ่ง เธอส่งข้อความมาหาฉัน มันเป็นข้อความสั้น ๆ ที่บอกว่า ‘แก ฉันได้งานใหม่แล้วนะ’

“เอาจริง ๆ นะ วันแรกก็อยากลาออกแล้วอะ” เธอหัวเราะ แล้วจึงเล่าต่อ “แต่พอปรับตัวได้ตอนนี้ก็ชิลละ เงินดี มีกลุ่มเพื่อนที่ทำงาน หัวหน้าไม่แย่ อาจจะมีทำโอบ้างบางวัน แต่ไม่ Toxic ก็แฮปปี้แล้ว”

ฉันยิ้มและพยักหน้าตอบรับ แม้เราจะไม่ได้คุยกันบ่อยเหมือนเคย ต่างคนต่างวุ่นอยู่กับก้าวใหม่ของตัวเอง เรายังคงเฝ้ามอง และให้กำลังใจกันผ่านสตอรี่ในไอจี ฉันไม่ได้ตอบกลับทุกอัน แต่ก็แอบยิ้มทุกครั้งที่เห็นว่า เธอกำลังมีวันที่ดี :)

“พอ ๆ ๆ ปีนี้ไม่ใช่ตาฉันเล่าจ้ะ It’s your turn ! อัปเดตมาด่วน ! ครบปีแล้วปะ แกกับพี่เขาเป็นไงบ้าง ?

ตาเป็นประกายของคนตรงหน้า ทำเอาฉันแทบจะหลุดขำออกมา

“ดี มันดีเลย พรุ่งนี้ก็ครบปีพอดี” ฉันเล่าด้วยรอยยิ้ม

— ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อปีที่แล้ว


ฉันกำลังง่วนอยู่กับการเก็บเสื้อผ้า เอกสาร และของใช้ส่วนตัวเกือบทั้งหมดลงกระเป๋าหิ้วใบใหญ่ นับเป็นตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต ตลอด 26 ปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยต้องแยกจากครอบครัว ห่างมากสุดเห็นทีก็แค่ 3 วันที่ไปทำค่ายกับเพื่อนมหาลัย ทุกคนรอบตัวมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านของฉันเป็นบ้านที่อบอุ่น และเราสนิทกันมาก ซึ่งฉันเองก็เห็นด้วยเช่นกัน 🤍

ในวันนั้นที่ฉันกับแม่นั่งคุยกันเรื่องนี้ แม่ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรนัก เราสองคนเคยคุยกันมาก่อนแล้วว่า สักวันมันจะมาถึง แต่ถึงจะรู้ล่วงหน้า แม่ก็ยังเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนความคิดบางอย่างกำลังไหลวนอยู่ในใจ แววตาของแม่ไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความผิดหวัง แต่เป็นความหม่น ๆ แบบที่ฉันก็เข้าใจดี

…เพราะบางเรื่อง ถึงจะเตรียมใจไว้แค่ไหน พอมาถึงจริง ๆ มันก็ยังยากอยู่ดี

เมื่อวันนึงลูกสาวคนโตผู้ซึ่งเปรียบเสมือนไข่ในหิน เอ่ยขออนุญาตเพื่อออกไปลองใช้ชีวิตคู่กับแฟนหนุ่มของเธอ โดยที่ยังไม่ได้มีพิธีแต่งงาน หรือที่เขาเรียกกันว่า

“การอยู่ก่อนแต่ง”

ฉันกับแฟนเราคบกันมาได้ 1 ปีครึ่ง พี่เขาเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยจากคณะ และสาขาเดียวกัน เราทั้งคู่เคยอยู่ในสายตากันมาก่อนในระหว่างที่เรียนก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสทำความรู้จักกันจริงจัง รู้เพียงชื่อและหน้าตาของอีกฝ่ายเท่านั้น

จนกระทั่งฉันเรียนจบมาได้ 2 ปี และโชคชะตาก็พาเรากลับมาเจอกันอีกครั้ง เราทำความรู้จัก และตกลงคบกันเป็น ‘แฟน’ หลังจากอยู่ในสถานะคนคุยอยู่ประมาณ 3 เดือน

พี่เขาเป็นคนฉลาด ชัดเจน และหน้าตาดี เราทั้งคู่ทำงานในตำแหน่งใกล้เคียงกัน มีเป้าหมายในชีวิตที่คล้ายกัน มีมุมมองต่อสิ่งต่าง ๆ อย่างน่าสนใจ 

แต่แน่นอน…ชีวิตรักคงไม่ได้หวานชื่น และใจตรงกันอยู่เสมอ เรามีมุมที่เหมือน แต่ก็มีมุมที่ต่างกันมาก ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงรูปแบบการใช้ชีวิต

ฉันชอบแต่งตัวสตรีทมีสไตล์ แต่เขาชอบแต่งเรียบง่ายเน้นดูดี

ฉันมักทำหน้าอี๋เมื่อเห็นอกไก่ แต่สำหรับเขามันคือเมนูที่กินได้ทุกวัน

ฉันเป็นคนใช้ใจ แต่เขาเป็นคนใช้ตรรกะนำทาง

ฉันเป็นคนเก็บความรู้สึกตัวเองไว้ไม่ได้แม้สักนิด แต่เขาคือสุดยอดนักข่มใจ

และอีกมากมาย…

แต่เราก็ผ่านช่วงเวลาปรับตัวในช่วงแรกมาได้ เราเริ่มมองถึง ‘อนาคต’ มากขึ้น อนาคตที่ต่างฝ่ายต่างเห็นกันอยู่ในนั้น

... เห็นเราอยู่ด้วยกันตอนแก่


เป็นภาพชัดเจนที่เขาพร่ำบอกฉันจนถึงทุกวันนี้ จนวันนึงเราทั้งคู่เลยตัดสินใจที่จะออกมาอยู่ด้วยกัน

ด้วยบ้านของเราทั้งคู่อยู่ห่างกันคนละฟากของเมือง แม้อยู่กรุงเทพฯ เหมือนกันแต่ก็ใช่ว่าจะไปมาหากันได้บ่อย ๆ เดือนนึงเจอกัน 2-3 วันเท่านั้นก็เก่งมากแล้ว ยอมรับว่าแม้จะเรียก Long Distance Relationship ได้ไม่เต็มปาก แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ‘ความห่างกัน’ ก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาต่าง ๆ ได้


💌 เรื่องสั้นอิงความสัมพันธ์จริง “To Be (Still) Living Together” ชวนชาวซิสมาแอบอ่านบทสนทนาจาก คนอยู่ก่อนแต่ง ที่แค่อยากเมาท์ อยากแชร์ประสบการณ์ผ่านสตอรี่น่ารัก ๆ ของ 2 เพื่อนซี้ ณ ร้านคาเฟ่ชาในวันฝนตก อ่านต่อกันได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลย 💘

หรือไปที่ Line Official Account : @SistaCafe ( bit.ly/LineOASis ) หรือ สแกน QR code ที่นี่ !

บทความแนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1