สาวบางคนก็เหมือนเป็นโรคจิตอ่อนๆ นั่นคือ  " กลัวและรู้สึกผิดที่จะกินอาหาร " ( ภาษาอังกฤษเรียกว่า food guilt )

อาการคือไม่กล้ากินอาหารแคลอรี่สูง หรือถ้าเผลอกัดกินไปสักคำ จะรู้สึกผิดอย่างมาก รู้สึกผิดยิ่งกว่าฆ่าคนตายซะอีก!

อาการนี้มักจะเกิดกับคนที่เพิ่งลดความอ้วนได้น้ำหนักตามเป้าหมาย หรือคนทีไม่เคยอ้วน เพราะควบคุมน้ำหนักมาตลอดชีวิต กลัวเริ่มกินแล้วจะตบะแตก!

อย่าเศร้าเสียใจไป โลกนี้ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น! เรามีวิธีทำให้เธอกินได้เหมือนมนุษย์ปกติอีกครั้ง เพียงแค่ทำตามคำแนะนำด้านล่างนี้

รับรองว่าเธอจะไม่หวาดกลัวน้ำตาลเคลือบบนโดนัท ไส้ครีมเยิ้มๆ ในเค้ก หรือลูกกวาดรสหวานอีกต่อไป ไปดูกันเลยว่าต้องทำยังไงบ้าง!


1. หาสาเหตุให้เจอ ว่าทำไมเธอกลัวที่จะกิน

รูปภาพ:http://i.huffpost.com/gen/1520274/images/o-WOMAN-READING-BOOK-facebook.jpg

ลองสังเกตสิ คนที่ไม่มีความทุกข์ ความเครียดในชีวิตอย่างเด็กทารก หรือเด็กวิ่งเล่นทั่วไป พวกเขาก็กินโน่นกินนี่กันตามปกติ ไม่ต้องละอาย เครียด กินแล้วอยากล้วงคอเสียเมื่อไหร่ อยากกินอะไรก็กิน!


ต้องมีสาเหตุที่วัยรุ่นอย่างเธอกลัวการกิน จริงไหม อาจเป็นญาติพี่น้องที่ชอบย้ำว่าเธออ้วน หรือเสพสื่อออนไลน์ นิตยสารที่หน้าปกเป็นนางแบบสาวผอมเพรียวเหมือนถูกจับไปขังที่เอธิโอเปีย =_= ต้องมีสักสาเหตุหนึ่งสิน่า

พยายามหาสาเหตุให้ได้ เมื่อเธอรู้ต้นตอแล้ว จะแก้โรคนี้ได้ง่ายขึ้น!


2. อย่าไปฟังคำห้าม คำเตือนว่า " ห้ามกิน " ของคนอื่นมากเกินไป

รูปภาพ:http://healthsouls.com/wp-content/uploads/2014/05/101.jpg

มีสาวๆ หลายคนที่เป็นโรค " กลัวการกิน " เพราะเจอแรงกดดันจากภายนอก ไม่ใช่ใคร คำพูดคำเตือนที่บอกว่าหวังดีของพ่อแม่หรือเพื่อนสนิทนี่แหละ!

ยกตัวอย่างเช่น เธอชอบกินไส้กรอกสุดๆ แต่พ่อหรือแม่ก็เอาแต่บอกว่า ถ้ากินไส้กรอกจะอ้วน จะอ้วน จะอ้วน!!!

ย้ำไปมาจนสมองจดจำว่าไส้กรอกคือ  " อาหารอันตราย " โดยอัตโนมัติ ในที่สุดก็กลัวที่จะเอาเข้าปากไปโดยปริยาย!

พยายามทำหูทวนลมบ้างก็ได้ ตราบใดที่เธอรู้ขีดจำกัดของตัวเองว่าควรกินกี่ชิ้น ก็ไม่อ้วนขึ้นหรอก วางใจเถอะ!


3. กินอาหารให้ครบหมู่

รูปภาพ:http://www.aljamila.com/sites/default/files/2015/05/09/816-a_0.jpg

อาหารเป็นเชื้อเพลิงอย่างหนึ่ง และถ้ามันไม่ขึ้นรา แบคทีเรียขึ้น มันก็ไม่ใช่อาหาร " ขยะ " เสียทีเดียวหรอก!


เธอไม่ควรกินช็อกโกแลตแท่งเป็นอาหารเย็นก็จริง แต่ถ้าเธอเอาแต่เคี้ยวผัก เคี้ยวแครอทโดยไม่แตะอย่างอื่นเลย เธอก็จะขาดสารอาหารเช่นกัน!

หลักสำคัญคือการกินอาหารอย่างเหมาะสมครบห้าหมู่ ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล


กินช็อกโกแลตได้บ้าง ยังไงน้ำตาลทำให้ร่างกายมีแรงนะจ๊ะเธอ!


4. " รวม " อาหารให้อยู่ในมื้อเดียวกัน ไม่ใช่ " จำกัด " ปริมาณอาหาร

รูปภาพ:http://www.activebeat.com/wp-content/uploads/2014/02/shutterstock_140886874-400x286.jpg

เวลาสาวๆ ต้องกินอาหารที่น้อยสุดๆ เหมือนแมวดม สมองจะสั่งการให้รู้สึกเครียด เส้นเลือดขึ้นตุบๆ ทันที กินแต่ข้าวกล้องกับผักจืดๆ น่าเบื่อเป็นที่สุด แต่ก็ไม่กล้ากินขนม!


ารทำแบบนี้จะเกิดความวิตกจริต กดดันที่ต้องมานั่งสะกดจิตตัวเองว่าเธอกิน" อาหารคลีน "อยู่

แทนที่จะนับแคลอรี่อย่างบ้าคลั่ง หรืองดแป้งจนเดินแล้วเซจะล้มล่ะก็ ลองรวมอาหารให้ครบ 5 หมู่อยู่ในจานเดียว แต่จำกัดปริมาณสิ

เธอจะรู้สึกว่ายังกินน้อยอยู่ แต่ที่จริงได้สารอาหารครบถ้วนไปเต็มๆ!


5. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ " อาหาร "

รูปภาพ:http://www.awomenpark.com/wp-content/uploads/2015/04/eat_Almond_to_make_your_hair_grow_faster-600x463.jpg

จะบอกว่า" ให้อภัยอาหาร "ก็คงจะไม่ผิดนัก!

พยายามศึกษาความรู้ของอาหารชนิดต่างๆ ให้ลึกซึ้ง เธอจะรู้ว่าไม่มีอาหารชนิดไหนที่เป็นอันตรายอย่างแท้จริง ถ้าเธอเลือกชนิดของอาหารที่กินและออกกำลังกายควบคู่อย่างเหมาะสม


หยุดหมายหัวว่าอาหารมันๆ ทำให้เธออ้วน ที่เธอตัวพองเป็นโดเรมอน เพราะเธอกินแล้วนั่งทั้งวันต่างหากเล่า!

ถ้าเธอปล่อยวาง และยอมกินอาหารทุกชนิดบนโลกนี้ได้แล้วล่ะก็ โลกจะสดใสขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ!

เอา

เวลากังวลเรื่องพวกนี้ไปทำอย่างอื่นสิ เช่น ไปช้อปปิ้ง เลี้ยงหมา เล่นเกม หมกมุ่นกับอาหารมากไปก็ไม่ดีหรอกนะเออ!


6. หาสาเหตุว่าทำไมเธอถึง " กินแหลก "

รูปภาพ:http://www.bestofbanff.com/300/chilis010-300.jpg

การลงโทษตัวเองหลังจาก " กินแหลกไร้สติ " ด้วยการทำร้ายตัวเอง หรืออดอาหารทั้งวันในวันถัดไป ไม่เกิดผลดีอะไรขึ้นมาหรอกนะ!

ตรงกันข้าม เธอจะติดอยู่ในวังวนอุบาทว์ ทำร้ายตัวเอง-กิน-รู้สึกผิด-ทำร้ายตัวเอง-กิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จักจบสิ้น!

ลองหาสาเหตุซิว่า แรงกดดันแบบไหนที่มักทำให้เธอตบะแตก

เช่น เครียดจากที่โรงเรียน/ที่ทำงาน มีปัญหาด้านการเงิน ค่าขนมไม่พอใช้ ผิดใจกับเพื่อนสนิท ทะเลาะกับพ่อแม่ หรือมีปัญหากับแฟน

บางครั้งเราใช้การ " กิน " เพื่อปกปิดความหม่นหมองภายในใจ ทำให้ลืมความเครียดไปชั่วขณะ

แต่ในที่สุดก็ไม่ยั่งยืนหรอก แป๊บเดียวกลับมา

อ้วนกว่าเดิม

อีก โบกมือลาขาด!


7. เรียนรู้ที่จะ " รักตัวเอง "

รูปภาพ:http://i.huffpost.com/gen/1630426/images/o-LOVE-YOURSELF-facebook.jpg

ความรู้สึกผิดในการกินอาหาร มักเกิดขึ้นจากพ่อแม่ที่มีนิสัยจอมบงการ จุกจิกจู้จี้ อยากให้ลูกหุ่นดีแข่งกับข้างบ้าน หรือมีความเชื่อทางสังคมว่าผอมแล้วสวย


ในที่สุดค่านิยมนี้จะถูกปลูกฝังในใจเธออย่างช้าๆ ซึ่งไม่ใช่ผลดีกับสุขภาพของเธอในภายภาคหน้าเลยนะ

เรียนรู้ที่จะรักตัวเองบ้าง!

ถ้าเธอเผลอกินคุกกี้เกินโควต้าไปหนึ่งชิ้น ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอก

ลืมความรู้สึกด้านลบไปบ้าง

การกินอาหารรสอร่อยไม่ใช่เรื่องผิดซะหน่อย เธอไม่ใช่นก เธอเป็นคน จะให้กินแต่เมล็ดธัญพืชก็ไม่ไหวนะ


===========================

บางครั้งสาวๆ ก็ยึดติดกับตัวเลขบนตาชั่งและรูปร่างผอมเพรียวของนางแบบบนปกนิตยสารมากเกินไป!ผู้หญิงไม่ได้เกิดมารูปร่างเดียวกันทุกคน บางคนมีรูปร่างใหญ่ส่วนบนบ้าง ใหญ่ส่วนล่างบ้าง แล้วแต่กรรมพันธุ์ บางคนลดให้ตายก็ไม่ผอม!ใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างสุขภาพดี ด้วยการคุมอาหาร ออกกำลังกายดีกว่า กินน้อยก็ใช่ว่าจะผอมเหมือนนางแบบรันเวย์ เผลอๆ จะถูกหามส่งโรงพยาบาลซะก่อนน่ะสิ!

อย่าใช้ชีวิตให้ตึงหรือหย่อนเกินไป กินอาหารได้ทุกอย่าง แต่เลือกชนิดอาหารและจำกัดปริมาณให้พอเหมาะพอควร เท่านี้ก็หุ่นดีในแบบของตัวเองแล้วขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ ><

===========================


บทความที่เกี่ยวข้อง