บทที่ 8

ฉันเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดเอาไว้ จากนั้นก็ซับหัวเปียกปอนที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพู พลางทำจมูกฟุดฟิดด้วยสีหน้าแช่มชื่น

เออ นานๆ ทีอาบน้ำก็รู้สึกดีเหมือนกัน

ทว่าพอสาวเท้าออกจากห้องน้ำก็อดชะงักไม่ได้ เมื่อเห็นร่างสูงของอาจารย์คณิตศาสตร์นั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาพร้อมกับกดรีโมทเลื่อนช่องด้วยท่าทางผ่อนคลาย ทำตัวอย่างกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านเพียงคนเดียว ส่วนฉันเป็นกาฝากที่มาขออาศัย เพราะดูเหมือนกฎต่างๆ ภายในบ้านจะถูกควบคุมโดยผู้ชายคนนี้ทั้งหมด

“ชักช้า นึกว่าลื่นล้มหัวฟาดพื้นตายไปแล้ว”เสียงทุ้มบ่นพร้อมกับส่งสายตาตำหนิมาให้ พร้อมกันนั้นฉันก็เหลือบไปเห็นผ้าขนหนูสีน้ำเงินเข้มที่วางกองอยู่ข้างร่างสูง ดูท่าสามีตามกฎหมายของฉันจะรอใช้ห้องน้ำอยู่นานแล้ว

“ก็ถ้ารู้ว่ามีคนรออยู่...ฉันคงแช่น้ำต่ออีกสัก 2-3 ชั่วโมงไปแล้วล่ะ”

ตอนนี้ฉันเริ่มปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากความพ่ายแพ้อันอัปยศที่โดนแย่งห้องนอนเมื่อตอนบ่ายตามหลอกหลอน

อะไรที่ฆ่าไม่เราไม่ตายจะทำให้แข็งแกร่งขึ้น และตอนนี้ ชิรายูกิ ซาโฮะ ภาคมารร้ายเต็มรูปแบบกำลังจะมา เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะฉันเริ่มรู้สึกเหมือนคนประสาทไม่ดี เพราะพูดเองเออเองอยู่คนเดียวในหัว

แต่ใครจะสน ตอนนี้รอบตัวก็รายล้อมไปด้วยพวกความคิดผิดปกติเต็มไปหมดอยู่แล้ว

“ถ้าวางแผนจะฆ่าตัวตายด้วยการแช่น้ำให้ขึ้นอืด...ก็ช่วยไปทำให้ไกลๆ เขตบ้านฉันด้วย”

ไงล่ะ นี่แหละวิธีคุยกันแบบคู่รักข้าวใหม่ปลามันของบ้านนี้

หลังจากพ่นไฟใส่ฉัน สึบุรายะ มาโคโตะ ก็ยกผ้าเช็ดตัวพาดบ่า ก่อนจะสาวเท้าเข้าห้องน้ำไป ส่วนฉันก็เดินไปนั่งบนโซฟาแทนหมอนั่น แล้วเริ่มยึดรีโมททีวีเป็นของตัวเองบ้าง

ไม่กี่นาทีต่อมาสามีตามกฎหมายก็ออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับซับผมเปียกๆ เลียนแบบฉันไม่มีผิด ทว่าสิ่งที่ทำให้ฉันย่นหัวคิ้วก็คือกลิ่นแชมพูที่ลอยมามันคุ้นแปลกๆ

“ใช้แชมพูยี่ห้ออะไรน่ะ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะตอบกลับ

“ไม่รู้สิ ไม่ได้อ่านชื่อยี่ห้อ”

อ้าว แล้วตอนซื้อไม่ได้เลือกหรือไงวะฉันบ่นกับตัวเองในใจ คิดไปว่าคนตรงหน้าจงใจกวนประสาทแหงๆ“ถามดูเฉยๆ น่ะ...เห็นกลิ่นคล้ายของฉัน”

“ก็ต้องคล้ายอยู่แล้ว นี่มันแชมพูของเธอ”

“!!!”

บ้าไปแล้ว กล้าดียังไงมาหยิบของๆ ฉันใช้ตามใจชอบ

“ใครอนุญาตให้ใช้ แล้วทำไมไม่ใช้ของตัวเอง”ทว่าร่างสูงไม่ตอบพร้อมกับไหวไหล่เล็กน้อย ซ้ำยังเดินมากระชากรีโมทในมือฉันคืน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอีกฝั่งแล้วเริ่มเปลี่ยนช่องตามใจชอบ

ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ว่าคิ้วตัวเองกระตุกอย่างหนัก ความตั้งใจที่จะเฉิดฉายเป็นนางพญาและยึดครองบ้านหลังนี้แต่เพียงผู้เดียวดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลออกไป เพราะอยู่ดีๆ ก็โดนสามีตามกฎหมายที่ควรจะสุภาพเรียบร้อยกระชากมงกุฏกลางอากาศ“...คุยกันหน่อยสิ”

ฉันกระแอมคอ แล้วทำท่าทางจริงจัง แต่อาจารย์คณิตศาสตร์ทำเพียงปรายตามามองเล็กน้อยเท่านั้น แล้วหันกลับไปสนใจทีวีต่อ“จะคุยเรื่องอะไร”

ทว่าในที่สุดมาโคโตะก็ถามออกมา เพราะรู้สึกได้ว่าฉันยังนั่งจ้องอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่

“เรื่องกฎการอยู่ร่วมกันน่ะสิ”

ถ้าต้องอยู่ร่วมบ้านกับมนุษย์จอมตอแหลคนนี้ เห็นทีว่าฉันจะต้องเพิ่มกฎอีกหลายๆ ข้อเข้าไปเพื่อพิทักษ์อาณาเขตของตัวเอง ไม่อย่างนั้นมีหวังฉันคงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เทียบเท่าหนูหรือแมลงสาบซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านแต่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรแน่นอน

“...อ่อออ นั่นสินะ”เสียงทุ้มรับคำยานคาง ทำท่าเหมือนนึกถึงเรื่องที่ลืมเลือนจากหัวไปแล้ว“ฉันมีแบบร่างมาด้วย”แล้วชิรายูกิ ซาโฮะ ก็เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำท่าเหมือนนักธุรกิจหญิงที่กำลังจะเริ่มการเจรจา พลางเดินนวยนาดเข้าห้องไปก่อนจะออกมาพร้อมกับกระดาษเย็บแม็กจำนวน 5-6 หน้าอาจารย์คณิตศาสตร์ขมวดคิ้วมุ่นตอนฉันยื่นส่ง ‘กฎ’ ของพวกเราให้เขาอ่าน“ว่างมากเหรอ ถึงมานั่งทำเรื่องไร้สาระพวกนี้น่ะ เปลืองเยื่อต้นไม้จริงๆ”เยี่ยมไปเลยหมอนี่สามารถด่าฉันว่าเป็นพวกไร้สาระและเป็นจอมทำลายธรรมชาติได้ในประโยคเดียว“อ่านไปเถอะ”ฉันตอบเสียงเรียบ ยังพยายามรักษาทีท่าเคร่งขรึมแม้จะรู้ดีว่าไร้ประโยชน์ เพราะระดับความเกรงใจกันและกันในบ้านนี้กำลังมุ่งเข้าสู่ค่าติดลบจนสัมผัสได้มาโคโตะกวาดสายตามองแผ่นกระดาษในมือทีละหน้า และบางครั้งใบหน้าคมคายนั้นก็แสดงสีหน้าประหลาดพิกลๆ ออกมายามเห็นกฎบางข้อที่ฉันเขียน“…ห้ามกระทำการใดๆ ที่จะทำให้คนอื่นรู้ว่าเราอยู่ร่วมกัน”เสียงทุ้มเอ่ยทวน ก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน“เขียนมาทำไม? ต่อให้เธออ้อนวอน ฉันก็ไม่บอกชาวบ้านหรอกว่าอยู่กินกับนักเรียนน่ะ”ลาก่อน...ผู้ชายที่อ้อนวอนและทำทุกวิถีทางเพื่อขอฉันแต่งงานได้ตายไปแล้วจริงๆหมอนี่ฉีกหน้ากากตัวเองกระจุยกระจายชนิดที่ฉันยังยอม“ก็ดี...อ่านต่อไปสิ”ร่างสูงไหวไหล่เล็กน้อย แต่ก็ยอมพลิกหน้าถัดไปแล้วเริ่มกวาดสายตาอีกครั้ง“...ห้ามรุกล้ำเข้าไปในห้องส่วนตัวของอีกฝ่าย”อาจารย์คณิตศาสตร์หัวเราะค่อนแคะ ก่อนพึมพำเบาๆ แต่ก็ดูออกว่าจงใจให้ฉันได้ยิน“เก็บไว้บอกตัวเองเถอะ”บางที 3 ปีอาจจะยาวนานเกินไปสำหรับคู่เราเพราะหมอนี่ขยันทำตัวน่าถีบแบบติดสปีดจนฉันอยากพุ่งเข้าไปชาร์จหลายรอบแล้ว“...แล้วนี่อะไร? ห้ามแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายในเชิงชู้สาวงั้นเหรอ”มาโคโตะเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกันนั้นก็หันมามองหน้าฉันด้วยสีหน้าเหมือนคนที่กำลังเกาะกรงมองสิ่งมีชีวิตในสวนสัตว์“ใช่...ข้อนั้นน่ะสำคัญมากด้วย”สาเหตุที่ฉันยอมเดินตามน้ำเพราะหมอนี่สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินนี่ล่ะ แต่จากนิสัยเสียๆ ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือยิ่งทำให้ฉันชักไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองสักเท่าไหร่“ประสาทรึเปล่า เธอสูดดมสารระเหยไปด้วยหรือไงตอนเขียนน่ะ”หลอกด่าว่าฉันสติไม่ดีไปอีกแต่ฉันทำเป็นไม่สนใจคำเยาะหยัน แล้วก็พูดเรื่องสำคัญอีกเรื่องออกไป“ยังไม่หมด...อ่านหมายเหตุข้างล่างด้วย”ว่าแล้วก็เอานิ้วจิ้มไปยังตัวอักษรขนาดเล็กจิ๋วที่เขียนขยายความเอาไว้ที่ท้ายกระดาษร่างสูงกวาดสายตามองตาม ใช้เวลาอ่านเพียงครู่เดียวก่อนจะหันมาขมวดคิ้วใส่ฉัน“ถ้าใครผิดกฎข้อนี้...จะต้องจ่ายเงินค่าปลอบขวัญอีกฝ่ายครั้งละ 1 ล้านเยนงั้นเหรอ”คราวนี้หมอนี่มองหน้าเสมือนฉันเป็นเอเลี่ยนที่มายึดครองโลก“นี่เธอเป็นเด็กนักเรียน...หรือเป็นยากูซ่ากันแน่ คนปกติเขาคิดกันไม่ได้นะแบบนี้ฉันยักไหล่ ไหนๆ ตอนนี้ก็เป็นหลายอย่างอยู่แล้ว ทั้งนักเรียนดีเด่น แม่บ้าน ภรรยาอาจารย์ ดังนั้นจะพ่วงตำแหน่งนักรีดไถมาอีกสักตำแหน่งจะเป็นไรไป“ฉันก็เผื่อเอาไว้ก่อน...ใครจะไปรู้เกิดบางคนหน้ามืดตามัวขึ้นมา อย่างน้อยจะได้มีหลักประกันว่าจะไม่เปลืองตัวฟรีน่ะสิ”พอได้ฟังฉันพูดอาจารย์คณิตศาสตร์ก็ยกมือขึ้นเคาะริมฝีปาก ทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะพูดออกมา“นั่นสินะ...ถ้าฉันเผลอไปแตะต้องเธอก็คงจะเรียกได้ว่า ‘หน้ามืดตามัว’ จริงๆ นั่นแหละ”ไม่ว่าเปล่า ใบหน้าคมคายยังพยักหน้าเป็นระยะเพื่อสนับสนุนความคิดของตนเอง ทว่าจู่ๆ สามีตามกฎหมายของฉันก็ชะงักไปเล็กน้อยพร้อมทำท่าทางลังเลใจ“เดี๋ยว...แบบนี้ถ้าเธอเป็นฝ่ายมาแตะต้องฉัน เธอก็ต้องจ่าย 1 ล้านเยนด้วยสินะ”ฉันถลึงตามองทันที เริ่มเข้าใจว่าข้อเสนอของตัวเองมันบ้าบอจริงๆ ก็ตอนที่เรื่องมันเริ่มจะย้อนมาเข้าตัว“เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอก อีกอย่างนายเป็นผู้ชาย จะเสียหายอะไรนักหนา”ฉันพูดพลางส่ายหน้า ทว่าเสียงทุ้มกลับเอ่ยขัด“เป็นผู้ชายแล้วเกี่ยวอะไร ถ้าโดนเธอทำมิดีมิร้ายต่อให้เป็นหมาเป็นแมวก็เสียหายทั้งนั้นแหละ”เยี่ยม ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้มองฉันเป็นมนุษย์เพศหญิงอีกต่อไป“ฉันไม่หน้ามืดตามัวแบบนั้นหรอก”“แล้วเธอคิดว่าฉันจะทำเรื่องแบบนั้นหรือไง” มาโคโตะสวนทันควัน“เปล่า...ฉันก็แค่เขียนเผื่อเอาไว้”“ถ้ากฎบ้าๆ นี่มันคุ้มครองแค่เธอคนเดียว ฉันก็ไม่ยอมรับหรอกนะ”เป็นเวลาอยู่นานทีเดียวที่พวกเราจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตายจนสุดท้ายฉันก็ถอนหายใจ ก่อนจะกระแทกเสียงกลับแล้วดึงกระดาษคืนมา“เข้าใจแล้ว...ถ้าฉันผิดฉันก็ต้องจ่ายด้วย พอแล้วใจแล้วยัง?”ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ก็มั่นใจถึง 99 เปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีทางที่เงินจะกระเด็นออกจากบัญชีตัวเองแม้แต่เยนเดียวทว่า 1 เปอร์เซ็นต์อาจเป็นจำนวนมากกว่าที่คิด ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็มารู้เอาทีหลังว่าตัวเองไม่น่าเขียนกฎบ้าๆ ข้อนั้นลงไปเลย