บทที่ 9

กริ๊งงงง!ฉันลืมตา งัวเงียขึ้นมาจากเตียงตอนที่เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เคยคิดเหมือนกันว่าของบนหัวเตียงเป็นวัตถุที่น่าสงสารที่สุดในโลก เพราะเวลาที่มันทำหน้าที่กลับเป็นเวลาที่คนอยากจะลุกขึ้นไปทุบมันทิ้งมากที่สุด

แล้วก็กวาดตามองไปรอบห้อง ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายอีกคนในบ้านหลังนี้มาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นเรื่องจริง ฉันคงคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกนิยายสักเรื่อง แล้วนางคนเขียนก็ขี้เกียจจะเล่ารายละเอียดปลีกย่อยเลยเร่งเวลาให้ผ่านไปเร็วๆ

ถึงงั้นก็นะ ยังไง 1 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรอยู่ดี พวกเราพยายามพูดกันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ทุกครั้งที่เปิดปากจะจบด้วยการประชดประชันและกัดกันไปมาก็ตาม

ตอนนี้ยังเช้าอยู่ แต่ฉันเป็นนักเรียนดีเด่น ประธานนักเรียน และหัวหน้าห้อง การไปโรงเรียนพร้อมๆ กับภารโรงเหมือนเป็นเงื่อนไขหนึ่งของชีวิตแบบนี้ไปซะแล้ว

คิดได้ดังนั้นจึงยันตัวขึ้นจากเตียง พยายามต่อต้านแรงดึงดูดมหาศาลจากวัตถุดังกล่าว ก่อนจะลากร่างไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน พอไปถึงก็ถีบประตูออกเบาๆ

แน่ล่ะ ฉันใช้คำว่าถีบ เพราะเป็นเท้าของฉันที่ถูกใช้เปิดประตูไงล่ะอาจารย์คณิตศาสตร์ตวัดสายตามามองที่ฉันทันที หมอนี่ตื่นก่อนและทำการยึดครองอ่างล้างหน้าเอาไว้แล้ว ทว่าฉันก็หน้าด้านพอที่จะเข้าไปแย่งพื้นที่ของเขาด้วยการเดินไปหยิบแปรงสีฟันของตัวเอง แล้วเบียดตัวเล็กน้อยให้มีที่ยืนหน้ากระจก

“คนเขายังไม่เสร็จธุระ ไม่รู้จักรอหรือยังไง ไร้มารยาท”เสียงทุ้มก่นด่า แต่ฉันทำเพียงยักไหล่กลับ คำพูดแค่นี้ไม่ทำให้ฉันสะทกสะท้านได้หรอก ถึงหน้าฉันจะใส แต่ก็ประกอบไปด้วยชั้นผิวหนังที่หนาจนคาดไม่ถึงเลยล่ะ

หลังจากเราใช้เวลาครู่ใหญ่จัดการธุระส่วนตัว ซึ่งประมาณ 80 เปอร์เซนต์หมดไปกับการเหลือกสายตาใส่กัน ฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนไปใส่ชุดนักเรียนเตรียมออกไปเล่นละครตบตาชาวบ้านเหมือนทุกๆ วัน

ดูเหมือนมาโคโตะเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน เพราะหมอนี่ยืนขยับเนคไทอีกทั้งในมือก็ถือกระเป๋า สภาพพร้อมที่จะออกไปเป็นอาจารย์คณิตศาสตร์“ฉันไปก่อน”

เขาบอก แล้วร่างสูงก็สาวเท้าออกจากบ้านไปทันที ซึ่งแปลว่าฉันต้องรออีกประมาณ 15 นาทีถึงจะตามออกไปได้ เราไม่อยากให้ใครๆ เห็นว่าออกไปด้านนอกหรือกลับเข้าบ้านพร้อมกันแน่นอน=======================================

“อรุณสวัสดิ์ค่ะซาโฮะซัง”

“วันนี้ก็สวยเหมือนเดิมเลยนะคะ”

คำพูดที่เหมือนท่องกันมาดังขึ้นตามรายทางเมื่อฉันเข้าเขตโรงเรียน และฉันก็กดสูตรสำเร็จ ขยับรอยยิ้มนางพญา ทำสายตาหวานหยดย้อยจนคนมองแทบจะเป็นเบาหวาน

เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ นั่นหมายความว่าฉันยังพอมีเวลาไปหาอะไรยัดลงท้องก่อนจะต้องเข้าไปทำหน้าที่นักเรียนดีเด่นกับหัวหน้าห้องต่อ ดังนั้นฉันก็เลยตรงไปยังโรงอาหารของโรงเรียน

ทันทีที่เข้าไปถึง คิ้วก็กระตุกเล็กน้อยทันทีเมื่อพบว่าสามีตามกฎหมายก็ดันมาอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน รอบๆ ตัวเขามีนักเรียนสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง ซึ่งหมอนี่เองก็ส่งยิ้มทักทาย พูดจาเสนาะหูจนคนฟังเคลิ้มตามเหมือนทุกที

เหอะ เป็นมนุษย์ที่เสแสร้งจริงๆแต่ก็ว่ามากไม่ได้หรอก เพราะฉันก็ดันเป็นประเภทเดียวกับหมอนั่นไงล่ะ“อ๊ะ ซาโฮะซังนี่นา”

หนึ่งในลิ่วล้อบริวารของเจ้าชายหันมาเห็นฉันพอดี บังเอิญว่าเจ้าหล่อนดันเป็นแฟนคลับฉันด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแม่นางก็เลยทักทาย เรียกสายตาทุกคนรวมถึงอาจารย์หน้าหล่อให้หันมามองด้วย“อรุณสวัสดิ์จ้ะ…อรุณสวัสดิ์อาจารย์สึบุรายะด้วยนะคะ”

ฉันต้องจำใจทักทายกลับไป ไม่งั้นจะดูมารยาททรามไม่เข้ากับภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์สร้างมา ซึ่งหมอนั่นก็รู้กระบวนการดี เสียงทุ้มทักทายตอบกลับมาเช่นกัน“อรุณสวัสดิ์ครับ ชิรายูกิซัง”โอ๊ย จั๊กจี้ ฉันคันหลังไปหมดแล้ว น่าขนลุกจริงๆ ให้ตายเถอะ“มาทานอาหารเช้าเหรอคะ”แฟนคลับฉันถามต่อ แหงล่ะ มาโรงอาหาร ฉันคงมาหาหนังสืออ่านหรอก“…จ้ะ”ชั่งใจอย่างหนักก่อนตอบกลับไป เพราะอะไรน่ะเหรอเพราะรู้ไงล่ะว่าประโยคที่จะตามมาคืออะไร“มานั่งทานกับพวกเรามั้ยคะ อาจารย์สึบุรายะเองก็จะร่วมโต๊ะด้วย”นั่นไง ไม่เคยผิดคาด ความซวยของฉันทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ ในเช้าวันนี้“ไม่เป็นไรหรอก ฉันต้องไปจัดการงานคณะกรรมการนักเรียนต่อน่ะ”โกหกออกไป ทำให้ตัวเองดูมีความรับผิดชอบ และที่สำคัญก็ไม่ต้องนั่งกินข้าวกับหมอนี่ต่อหน้านักเรียนหญิงอีกจำนวนหนึ่งด้วย“งั้นเหรอ น่าเสียดายจังนะครับ”มนุษย์สองหน้าที่อยู่ร่วมบ้านกับฉันพูดขึ้น ใบหน้าคมคายทำสีหน้าเหมือนอยากจะให้ฉันอยู่ต่อ แต่แน่นอน ในใจนั้นเป็นอีกเรื่อง“ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ”พูดไปแบบนั้น แต่ก็แอบจดใส่หัวไว้แล้วว่าไม่ควรมาโรงอาหารช่วงเวลานี้อีก“ขอตัวก่อนนะจ๊ะ”แล้วฉันก็ปลีกตัวออกมา โดยไม่ได้อาหารสักอย่างติดมือมาด้วยบ้าจริง หิวก็หิว คนไม่เคยไม่รู้หรอกว่าการตีสองหน้าต่อหน้าประชาชนมันเหนื่อยแค่ไหนน่ะจากนั้นฉันก็ลากตัวเองกลับมาที่ห้องเรียน เตรียมตัวเรียนวิชาแรกของวันให้ทายซิว่าเป็นวิชาอะไร...เออ คณิตศาสตร์ไงล่ะ===============================================“อรุณสวัสดิ์ทุกคน”มาโคโตะพูดขึ้น แล้วก็ตามมาด้วยเสียงวี้ดว้ายเหมือนเช่นเคย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซากเหมือนกับอัดเทปเอาไว้แล้วเปิดวนไปวนมาในทุกวัน“วันนี้ผมมีเรื่องจะแจ้ง”ฉันเลิกคิ้วขึ้น สงสัยว่าหมอนี่จะมาไม้ไหนอีก“เนื่องจากมีนักเรียนหลายคนทำคะแนนได้ดีมาตลอด ดังนั้นวันนี้ก็เลยมีรางวัลมามอบให้คนเหล่านั้น”เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นรอบห้อง แล้วมาโคโตะก็ขยับรอยยิ้ม ทำท่าเหมือนนักการเมืองที่กำลังหาเสียงอยู่จนฉันเผลอชักสีหน้ารำคาญใจ“คนแรก…คาคิกุจิ ซาโตชิ”นักเรียนชายคนหนึ่งลุกขึ้นทันที ก่อนเดินออกไปรับของขวัญจากอาจารย์“และอีกคน…ชิรายูกิ ซาโฮะ”ฉันยืดตัวทันที คิ้วกระตุกเล็กน้อยหมอนี่เล่นอะไร จะแอบส่งของมีพิษให้ฉันรึเปล่าแล้วฉันก็ลุกขึ้น พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินออกไปรับของจากมือของมาโคโตะ คิ้วมุ่นลงทันทีเมื่อเห็นว่ามันเป็นขนมปังที่มาจากโรงอาหาร“ขอบคุณค่ะ”ไม่จริงน่ะ หมอนี่เห็นว่าฉันไม่ได้กินอะไร เลยซื้อมาให้งั้นเหรอวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ญี่ปุ่นจะปรากฏตัวบนแผนที่โลกก็ได้ฉันคิดว่ากำลังจะเกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงขึ้นในเร็วๆ นี้“น่าอิจฉาจังเลยเนอะ”สาวน้อยที่นั่งข้างๆ หันมาทำหน้าตาเสียดาย“ไม่หรอก ของเล็กน้อยน่ะ”เธอก็หัดตั้งใจเรียนมั่งสิ ถ้าอยากได้รางวัลน่ะ คือสิ่งที่อยู่ในใจ“เอาล่ะ มาเริ่มเรียนกันดีกว่า”แล้วร่างสูงก็เริ่มหันไปขีดเขียนกระดานดำ ส่วนฉันก็นั่งจ้องขนมปังในมือกำลังคิดว่านอกจากหมดอายุกับมีพิษ ของกินชิ้นนี้จะเป็นอะไรไปได้อีก============================================เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้วทีเดียวกว่าสามีตามกฎหมายของฉันจะกลับเข้าบ้าน ตอนนั้นฉันกำลังนั่งเช็ดผมตัวเองอยู่“กลับมาแล้วเหรอ” ถามออกไปตามมารยาท“ยัง” ส่วนหมอนี่ก็กวนประสาทกลับมา“ฉันมีเรื่องจะถาม”คำพูดของฉันทำให้ใบหน้าคมคายฉายรอยสงสัย จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปในห้อง หยิบขนมปังที่ได้มาเมื่อเช้ายื่นคืนไปให้คนซื้อ“อ้าว ไม่ได้กินหรือไง”มาโคโตะถามกลับ มองหน้าฉันสลับกับของกินในมือ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับคืนไปแต่อย่างใด“ใครจะไปกล้ากิน ใส่อะไรมารึเปล่าก็ไม่รู้”ฉันบอก ทำสีหน้าไม่ไว้วางใจ“ใส่สิ ถั่วแดงไง มันก็เขียนแปะอยู่หน้าซอง แหกตาอ่านเข้าสิ”แล้วอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ก็เดินผ่านฉันไป ทิ้งให้ภรรยาตามกฎหมายอย่างฉันยืนเก้อแต่ฉันไม่รามือหรอก ก็เลยเดินตามเขาไป“เธอจะทำอะไร”เสียงทุ้มหันกลับมาถาม แฝงแววไม่พอใจ“ก็จะมาถามให้รู้เรื่อง คิดยังไงซื้อของนี่มาให้ฉันกันแน่”ร่างสูงถอนหายใจ พร้อมกับทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าขนมปังในมือคืนไป“ไม่กินก็ทิ้งเองสิ จะเอามาคืนทำไม ประสาทรึเปล่า”แล้วหมอนี่ก็ปิดประตูใส่หน้าฉัน แถมยังลงล็อกด้วยปล่อยให้ฉันยืนงง สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบอะไรสักอย่าง