7 เหตุผลที่ทำให้รอยสิว 'อักเสบมากขึ้น' โดยไม่รู้ตัว #แก้ไขก่อนหน้าพัง! (ﾉД｀ﾟ)ﾟ
ใช้คลีนซิ่งแพงๆ มาส์กหน้าอย่างดี เจลแต้มสิวก็ทาทุกวัน ทำไมเพื่อนหน้าใสแล้ว รอยสิวเรายังอยู่ครบอย่างนี้ล่ะคะซิส?? ไม่ได้การละ มาเช็ค 7 สาเหตุนี้ด่วน เพราะเธออาจเผลอทำโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้!!!
เผยแพร่: 28 พ.ย. 2561 16:44 น.
Views: 5,422
รหัสบทความ: 58728
เซย์ฮายยยย ค่ะสาวๆSistaCafeทุกคน (´｡• ω •｡`) ♡ไม่ใช่ทุกคนที่แต้มบุญดี โดยเฉพาะงานผิว! เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงรู้ซึ้งกับคำพูดนี้ดี ผู้หญิงบางคนเกิดมาพร้อมกับหน้าเนียนใส ผ่านช่วงมัธยม มหาลัยมาได้โดยไม่มียุคมืด ( อิจ! )แต่คนส่วนใหญ่ ยังไงก็ต้องมี ' น้องสิว ' มาเยี่ยมเยียนผิวหน้าค่ะ ;_;เบาหน่อยก็เป็นแค่สิวหัวดำ กดออกก็จบ แต่ถ้าฮอร์โมนไม่สมดุล ก็จะมีสิวหัวหนองผุดรัวๆ มีซีสต์ มีถุงน้ำ พอรักษาใกล้หาย ก็ทิ้ง ' รอยสิว ' ไว้ให้หงุดหงิดหัวใจประเด็นคือทาครีม แต้มเจลยังไง รอยสิวก็ไม่จางจ้าาา วันดีคืนดีอักเสบกว่าเดิมอีก ทำไมอะ! #นี่ตัวฉันผิดหรือไรรร #ฉันต้องใช้หนี้กรรมให้ใครรร T T ^ T Tอย่าเพิ่งแพนิคค่ะซิส บางทีพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ที่เธอทำอยู่ทุกวันเนี่ยแหละทำให้สิวอักเสบกว่าเดิม แต่เธอไม่รู้ตัว -..-เราไปเช็คทั้ง 7 สาเหตุการเกิดสิว ในบทความนี้กันดีกว่า หากเผลอทำอยู่ จะได้ Stop! ได้ทันเวลา ไปค่ะ
#1. แสงแดด!
ถึงจะรู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่เราขอย้ำอีกสักรอบแล้วกัน! ' แสงแดด ' นี่แหละค่ะ ตัวการทำให้ผิวหน้าอักเสบ ไม่ใช่แค่กระตุ้นรอยสิว แต่ยังทำให้ผิวมีจุดด่างดำ หมองคล้ำอีกด้วยหากเธอเอาผิวไปเจอรังสียูวีเข้มข้นทั้งวัน อาจเกิดผิวเบิร์นไหม้เป็นสีแดง หรือถ้าเคสร้ายสุด อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้เลยล่ะ! #แงงงงสาวๆ บางคนมีความเชื่อว่า เอารอยสิวไปอังแดด อังรอยแผลเป็น รอยจะได้จาง ซึ่งก็ถูกครึ่งนึง เพราะผิวของเธอจะคล้ำลง ทำให้เห็นรอยได้ยากขึ้น แต่จริงๆ รอยไม่ได้หายไปไหนสักนิดถ้าดูแลจนผิวกลับมาสีเดิมเมื่อไหร่ รอยสิวก็คัมแบ็ค แถมมาแบบอักเสบบวมเป่งอีกด้วย ดังนั้นทุกครั้งเวลาออกจากบ้าน ทา ' ครีมกันแดด ' ป้องกันผิวเสมอนะคะซิส ><
#2. แคะ แกะ เการอยสิวทั้งวัน!
ความมือซนนี้! เห็นอะไรแปลกปลอมบนหน้าไม่ได้เลยยย ต้องเอามือไปแคะ ไปแกะเกา บีบให้หลุดออกมา ที่จริงหากเธอบีบสิวหัวขาวอย่างถูกวิธี ก็ไม่มีปัญหาหรอก ( แต่ส่วนใหญ่บีบไม่เป็นไง... )การใช้มือไปเค้นสิว หารู้ไม่ว่านอกจากไม่ช่วยให้หน้าเนียนใสแล้ว รอยสิวจะยิ่งอักเสบกว่าเดิม เผลอๆ มีรอยเพิ่มอีก!ดังนั้นสาวๆ คะ ข่มใจไว้ ยั้งมือตัวเองไม่ให้ไปยุ่งกับผิวหน้า หรือบริเวณที่มีรอยสิวใดๆ โดยเด็ดขาด แค่ทาครีมลดรอยสิวก็พอแล้วปล่อยให้ร่างกายตกสะเก็ดแผลไปเองตามธรรมชาติ เท่านี้หน้าก็กลับมาใสในเร็ววันแล้ว ^ ^
#3. ใช้ ' น้ำมะนาว ' ทาลดรอยสิว
เธออาจเคยได้ยินจากคุณแม่ คุณป้า คุณยาย เพื่อนๆ หรือสูตร DIY ตามเว็บไซต์ว่า ' น้ำมะนาว ' ช่วยลดรอยสิวได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า น้ำมะนาวช่วยมาส์กหน้าใสได้ ลดรอยให้จางได้จริงแต่หากเธอเป็นคนผิวแพ้ง่าย มีสิทธิ์หน้าพังกว่าเดิมได้ เลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่า!น้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด ถ้าสัมผัสกับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย ยิ่งทำให้รอยสิวบริเวณนั้นอักเสบมากขึ้นถ้าไม่มั่นใจว่าผิวแข็งแรงพอ เอามะนาวไปคั้นทำน้ำมะนาวเย็นๆ ดื่มจะดีกว่า อย่าเอามาเสี่ยงกับหน้าเลยค่ะซิส (︶︹︺)
#4. ไม่ ' สครับ ' ผลัดเซลล์ผิวหน้า
สาวๆ หลายคนเข้าใจว่า ยิ่งผิวมีรอย มีตุ่มสิว ก็ไม่ควรไปยุ่งบริเวณนั้นโดยเด็ดขาด สครับน่ะเหรอ ลืมไปได้เลย แต่เธอรู้ไหมว่า ' สครับขัดผิวหน้า ' นี่แหละ ช่วยผลัดเซลล์ผิวบนหน้า ทำให้รอยสิวจางลงได้!เพียงเลือกใช้สูตรสครับออร์แกนิกจากธรรมชาติ เม็ดสครับเล็กละเอียด ไม่บาดผิว ขัดเบาๆ เพียง 1 ครั้ง/ สัปดาห์ค่ะการขัดหน้า อาจไม่ช่วยให้รอยสิวจางลงชั่วข้ามคืน แต่หากทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องหลายๆ เดือน รอยจะค่อยๆ จางลงจนมองไม่ค่อยเห็นในที่สุดค่ะ
#5. ใช้ครีม ' ลดรอยแผลเป็น ' ที่ไม่ใช่สูตรลดรอยสิว
ครีมลดรอยแผลเป็น ก็ไว้ลดรอยแผลเป็น ไม่ใช่รอยสิว จำไว้ให้ดี! ทาครีมน่ะเป็นวิธีทำให้รอยจางลงก็จริง แต่ต้องใช้ให้ถูกสูตรด้วย!' รอยสิว ' ต่างจากรอยแผลเป็นที่เธอทำมีดบาดนิ้วตัวเอง, ล้มจากจักรยาน หรืออะไรแบบนั้น เพราะรอยมันอยู่บนหน้า จึงต้องใช้ครีมที่อ่อนโยน บอบบางต่อผิวหน้าเป็นพิเศษค่ะดังนั้น หากมีรอยสิว ก็เลือกเจลหรือครีมที่ช่วยลดจุดด่างดำ หรือลดรอยสิวโดยเฉพาะจะดีกว่า หากใช้ครีมทั่วไป รอยสิวอักเสบกว่าเดิมไม่รู้ด้วยนะ (」°ロ°)」
#6. ปล่อยทิ้งไว้นาน ไม่รักษา ' รอยสิว ' ตั้งแต่เนิ่นๆ
บางคนก็นิ่งนอนใจเกิ๊น! คิดว่ารักษาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย ตอนเป็นสิวหัวแดงๆ รักษาง่ายก็ปล่อยทิ้งไว้ จนเวลาผ่านไปเป็นปีๆ เป็นรอยสิวฝังแน่นเรียบร้อยแล้ว งานยากล่ะทีนี้ ;___;ถ้าใครโชคร้าย รอยสิวเยอะมากหรือเนื้อเยื่อผิดรูปถาวร อาจต้องเข้าคลินิกทำเลเซอร์ ซึ่งช่วยจางลงได้ แต่ก็ไม่หายดี 100% อย่างแน่นอนหากสาวๆ เริ่มมีสิวระยะแรก ให้ทาเจลแต้มสิวที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide หรือกรดจำพวก Salicylic ทิ้งไว้เลย ( แล้วอย่าเอามือไปแกะเกาล่ะ! ) ไม่นานสิวเจ้าปัญหาก็จะหายไป ไม่เหลือรอยไว้ให้กวนใจถ้าบีบหัวหนองออก ก็ทาเจลให้แห้ง รอให้ตกสะเก็ด แล้วทาครีมบำรุงต่อเนื่อง รับรองรอยสิวหายวับ ไม่ต้องไปหาหมอให้ยุ่งยากชัวร์
#7. ใจร้อน หัวร้อน ไม่มีความอดทน!
เรารู้ดีค่ะซิส ว่าความรู้สึกเวลามีตุ่มนูนๆ แดงๆ บวมเป่งชวนให้บีบเนี่ย มันน่ารำคาญ ยั่วใจให้อยากบีบออกขนาดไหน แต่จำไว้ให้ดีว่า ' ความอดทน ' จะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราหน้าใสได้อย่าไปแกะ อย่าไปบีบจะดีที่สุด แต้มเจล รอให้สิวสุก ยุบและตกสะเก็ดไปเอง ผิวบริเวณนั้นจะได้ไม่ช้ำ และไม่เกิดรอยแผลให้นอยด์ในภายหลังรอยสิวบางประเภท เช่น รอยจากสิวชนิดซีสต์หรือถุงน้ำ จะไม่มีทางหายไป ถ้าไม่ไปหาหมอ แต่หากเป็นรอยสิวทั่วไป จงอดทนรอ เพราะกว่าผิวจะสมานกลับมาเหมือนเดิม ก็ต้องใช้เวลา!การรักษารอยสิว จะนานกว่ารักษารอยแบบอื่น แต่เชื่อเถอะว่าผลตอบแทนคุ้มค่าแน่นอนค่า ( ´ ∀ `)ノ～ ♡
---------------------------------เป็นไงจ๊าาา~ เผลอทำข้อไหนโดยไม่รู้ตัวไปแล้วบ้างเอ่ย #ตบบ่า บางความเชื่อที่เราได้รับสืบต่อกันมา ก็ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ( เช่น ห้ามสครับผิวหน้าเป็นต้น ) หรือเราอาจไปอยู่ในสถานการณ์เร่งให้รอยอักเสบมากขึ้น โดยที่เราไม่รู้ตัวเนอะ ก็แนะนำให้สาวๆเท่านี้หน้าก็จะกลับมาเนียนใสได้ไม่ยากแล้วเด้อ( ´ ∀ `)ノ～ ♡ส่วนวันนี้ เราต้องขอตัวลาไปลบรอยสิวตัวเองบ้าง ( นี่ก็ค้างไว้บนหน้ามานานแล้วเหมือนกัน ฮือ T^T ) ไปละค่า Byeee---------------------------------
![ลิงค์: Cr. 7 Things You Never Knew Were Making Your Acne Scars Worse [gurl.com]](https://sistacafe-assets.sgp1.cdn.digitaloceanspaces.com/web-assets/sample-img-170x170.webp)