-6-

หลังจากความซวยของนัทสึกิเริ่มขึ้นโดยไม่อาจเลี่ยงได้นั้น เวลาแห่งการสอบก็กระชั้นเข้ามาเช่นกัน อีกเพียง2อาทิตย์ก็จะถึงสัปดาห์แห่งการสอบ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเสมือนเวลาแห่งการตัดสินระยะแรกของคุมิด้วยเช่นกัน เมื่อสัปดาห์แห่งการสอบจี้หลังมาติดๆพวกอาจารย์จึงเริ่มเก็งข้อสอบมาให้ ทำให้อิงต้องมานั่งสอนเพิ่มเติมให้กับคุมิมากขึ้นตามลักษณะของข้อสอบที่จะออก และทำให้อิงย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่ห้องของคุมิเป็นการชั่วคราวเพื่อจะติวให้ได้ถนัดมากขึ้น

“ข้อนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ลองใช้สูตรนี้แทนสิ” อิงเอื้อมมือแล้วเอาปากกาชี้ที่ตรงสมุดโน้ต พลางขยับเข้าใกล้คุมิมากขึ้นเพื่อที่จะเอาสูตรให้ดูได้ถนัด“อืมๆ รู้แล้วล่ะน่า ชั้นก็แค่ลองใส่ดูเล่นๆ” สาวน้อยกล่าวหน่ายๆ มันเป็นเวลาเกือบ1เดือนแล้วที่เธอกับอิงแทบจะย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน ไม่สิต้องพูดว่ายัยนี่ย้ายเข้ามาอยู่เองต่างหาก

“งั้นเหรอ อืม งั้นเปลี่ยนเป็นวิชาประศาสตร์โลกละกัน” “อิงเอามืออกจากสมุดแล้วหันมาสั่งคุมิที่ทำหน้าปั้นยากอยู่ข้างๆ ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสาวเจ้าไม่ยอมเอาชีทประวัติศาสตร์ขึ้นมา เธอจึงเข้าใจว่าพยาธิในท้องของสาวร่างบางเริ่มประท้วง“หิวเหรอ”” อิงลองถามสาวญี่ปุ่นดู

“...ก็มันตั้งหกโมงครึ่งแล้วนี่ ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้กินอะไรเลย””เธอทำแก้มป่องพลางพูดเสียงเพลียๆอันเป็นสัญญาณว่าเจ้าหล่อนจะไม่เรียนต่อเป็นแน่ถ้าไม่หาเสบียงมาตุนไว้ สิ้นคำอิงก็ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นอย่างถือวิสาสะ“งั้นรอตรงนั้นเดี๋ยว” ร่างสูงพูดโดยที่ไม่หันไปมองที่โต๊ะ พลางหยิบวัตถุดิบออกมาเตรียมอาหารให้

“นี่ นี่ อย่าคิดจะทำก็ทำสิยะ ของบ้านใครให้รู้ซะบ้าง”” สาวน้อยร่างเล็กโวยวายอยู่ที่โต๊ะแต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรที่มีคนใจดีมาทำกับข้าวให้กิน“รอเหอะน่ะ”” อิงสั่งคุมิอีกครั้งสั้นๆแล้วหายกลับเข้าไปในครัว

เพียงครู่ต่อมาอาหารก็เสร็จเรียบร้อย คุมิมองอาหารที่ทำจากของในตู้เย็นเธออย่างประหลาดใจ ของในตู้เย็นที่เธอซื้อมาส่งๆไม่กี่อย่างทำกับข้าวแบบนี้ได้ด้วยหรือนี่“อะไรน่ะ”” เธอชี้นิ้วเรียวไปที่กับข้าวสองอย่างบนโต๊ะ

”ผัดผักใส่ไส้กรอก กับ ไข่เจียว”” อิงตอบเธอช้าๆพลางจัดแจงตักข้าวใส่ถ้วยแล้วส่งให้สาวน้อยโมโหหิวตรงหน้า”งั้น กินล่ะนะคะ” ”เธอหยิบตะเกียบมาไว้ในมือ จากนั้นก็จัดการของกินตรงหน้าอย่างเร็ว

”อื้อ อร่อยดีนะ แต่รสแบบนี้ไม่เคยกินเลย ไข่ทอดก็หน้าตาแปลกๆคล้ายๆออมเล็ตแต่ก็ใช้ได้ ว่าแต่เธอไม่กินหรอ”” คุมิหันมาถามเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่แตะอาหารแม้แต่น้อย แถมยังเอาแต่นั่งจ้องหน้าเธออย่างเดียวเสียอีก“ไม่หิว...แค่อยากดูเธอกิน”” อิงพูดเนิบๆตามแบบของเธอพลางจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าอย่างตั้งใจ

“อ๋อ อยากดูคนสวยกิน มาแปลกนะเธอนี่”” คุมิตอบกลับด้วยความอารมณ์ดี เธอเองก็เป็นแบบนี้พออาหารเข้าปากใครจะว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น เธอไม่ได้สนใจอะไรอีก ก็อีกฝ่ายบอกเองว่าไม่หิว แล้วจะฝืนทำไม จริงมั้ย สู้ซัดให้เรียบดีกว่าเหลือ เสียดายของเปล่าๆ“น่ากินจัง...”

อยู่ๆระหว่างที่คุมิกำลังเพลินกับรสชาติอาหารนั้น อิงก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย (แต่มีเครื่องดนตรีไทยชนิดอื่นแทน)“อะไรน่ากิน จะมาขอกินตอนนี้สายไปแล้วย่ะ อีกไม่กี่คำก็หมดแล้ว” ”คุมิที่ปากยังไม่ค่อยว่างพูดติดตลกน้อยๆ

“เปล่า อยากกินอย่างอื่น” คราวนี้อิงพูดชัดเจนและหนักแน่นมากขึ้นพลางย้ายที่ไปนั่งติดกับคุมิแล้วนั่งเท้าแขนจ้องมองสาวน้อยอีกครั้ง “ไม่ต้องรีบกินนะ ถ้าอยากกินวันหลังทำให้อีกได้” อิงพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนข้างหูของคุมิ ทำเอาสาวน้อยคนเก่งถึงกับใจสั่นไปกับน้ำเสียงของคนข้างๆตั้งแต่เรื่องที่ห้องสมุดวันนั้นเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรเราอีกนี่นา ก็ตอนนั้นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แถมยังสำนึกผิดพาเราไปเที่ยวไถ่โทษอีก แต่ว่าปกติกินข้าวเสร็จก็ติวต่อเลยนี่นา หรือว่าเค้าคิดจะทำอะไรเราจริงๆ ไม่นะไม่ เราเป็นผู้หญิงด้วยกันนะ แล้วอิงก็ดูไม่เหมือนพวกทอมซะหน่อย อาจจะแค่คลายเครียดให้เราก็ได้ เธอนึกในใจอย่างรวดเร็วพลางส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในห้องสมุดวันนั้น

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ คุมิก็เดินมานั่งเล่นที่ระเบียง พลางลอบมองอิงที่กำลังตั้งอกตั้งใจนั่งเช็คบทเรียนให้เธออยู่ในห้องดูสิ ทำหน้าเครียดอีกละ แค่สอบกลางภาคเองไม่เห็นต้องมาลำบากเลย อืม แต่ว่าไปทำไมอิงต้องตั้งใจติวให้เราเต็มที่ขนาดนั้นนะ ทำอย่างกับว่าจะไปสอบเข้ามหาลัยงั้นล่ะ เธอหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วตั้งใจมองคนในห้องอีกครั้ง สาวน้อยอมยิ้มเล็กๆเมื่อมองเห็นภาพติวเตอร์จำเป็นนั่งทำหน้าปั้นยาก แววตาจดจ่ออยู่กับหนังสือเรียนตรงหน้า ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเลิกคิดแกล้งสาวต่างชาติคนนี้ และไม่รู้ว่าทำไมยามที่เธอคนนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ๆเธอจึงคิดถึง แววตาคู่นั้น น้ำเสียงที่อ่อนโยน คนที่บางครั้งก็ดูไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย แต่พอเป็นเรื่องที่ตัวเองทำได้ก็จะจริงจังขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ คุมินั่งคิดไปเรื่อยๆ เธอคิดถึงตอนที่อิงเข้ามากันลูกบอลให้ ตอนที่เข้ามาไล่คนที่เข้ามาลวนลามเธอ และนึกถึงตอนที่อิงกุมมือเธอไว้แน่นตอนอยู่ที่ห้องสมุดวันนั้น

“อิง ทำไมเธอถึงคอยมาช่วยชั้นตลอดเลยล่ะ ทั้งๆที่ชั้นเองก็ไม่เคยพูดดีๆกับเธอเลยสักครั้ง...”” ในที่สุดสาวน้อยที่มีความอดทนต่ำอย่างคุมิก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องที่เธอนึกสงสัยอยู่เมื่อครู่อิงละสายตาจากสมุดโน้ตมามองไปที่ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังส่อแววสงสัยคู่นั้นช้าๆ

“ไม่รู้สิ คงเพราะถูกชะตากับเธอ คงเพราะเธอน่ารัก ถึงจะขี้โมโหก็เถอะ” ”อิงลุกขึ้นเดินไปหาคุมิแล้วเอามือลูบไล้ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าอย่างนุ่มนวล ดวงตาสีเปลือกไม้จ้องที่ใบหน้างามนั้นอย่างมั่นคง ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ“งั้นถ้าชั้นจะถามว่าทำไมเดี๋ยวนี้ถึงว่าง่ายมากขึ้น เธอจะตอบว่าไง” อิงหันไปถามหน้ายิ้มๆ แต่คำถามนี้ก็เรียกสีแดงเข้มจากใบหน้าของคนข้างๆได้ไม่น้อย สาวน้อยร่างบางเอามือทุบที่ตักของอิงเบาๆแก้เขิน อิงหันไปยิ้มให้สาวน้อยข้างๆแล้วเอามือไปขยี้หัวคุมิเบาๆ

“โอ้ย อย่าเล่นอย่างนี้สิ ผมยุ่งหมด”” คุมิยกมือขึ้นมากุมหัวพลางเหลือบตาขึ้นมองอิงอย่างตำหนิ“ไปๆ เรียนต่อได้แล้ว” ”อิงพูดพลางดึง (หรือลาก?) คุมิไปส่งที่โต๊ะทำงานส่วนตัวเธอก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเหมือนเช่นเคย หากแต่เมื่อหันหน้ามามองสาวน้อยข้างๆก็มาพบกับแววตาที่ยังคงความสงสัยอยู่ไม่เสื่อมคลาย

“อะไร ข้าวก็กินแล้ว พักก็พักแล้วนี่ มีอะไรล่ะ”” อิงมุ่นหัวคิ้วแล้วถามอย่างงงๆ แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับไม่มีความรำคาญอยู่สักนิด“คำตอบเมื่อกี้...เอ่อ”” คุมิเว้นจังหวะเล็กน้อย เธอกำลังชั่งใจว่าจะบอกออกไปดีหรือไม่ ทั้งๆที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเช่นนี้คืออะไร มันดูช่างสับสน แค่เพียงเวลาเดือนครึ่งที่พวกเธออยู่ด้วยกันมา พอนึกถึงเรื่องราวของเธอกับคนข้างๆ เธอก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด...แล้วความรู้สึกที่เธอเคยมีให้กับคนอีกคนล่ะ เธอรักเขาคนนั้นไม่ใช่หรือ

“อะไรล่ะ”” อิงมองใบหน้าที่มีความสับสนอย่างใจเย็น เธอไม่ได้คิดจะเอาคำตอบอะไรจริงจังจากแม่สาวจอมโวยคนนี้เลย หากแต่ใบหน้างามที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ยากที่จะละความสนใจไปได้“คือ...คืออะไรก็ไม่รู้ แหะๆว่าจะบอกแต่ลืมไปแล้วน่ะ เรียนต่อเหอะ ไม่ต้องสนใจๆ”” เธอตัดสินไม่พูดสิ่งที่เธอคิด เพราะความไม่มั่นใจ เธอจึงเลือกที่จะหาเรื่องพูดแก้เก้อไปปากไม่ตรงกับใจจริงๆนะเรา... เธอลอบมองอิงที่กำลังเปิดหนังสือไปหน้าที่ต้องการ ขอให้แน่ใจก่อนดีกว่าที่จะพูดตอนนี้ สาวน้อยคิดได้เพียงแค่นี้ก็หันไปสนใจสิ่งตรงหน้าต่ออย่างไม่เต็มใจเท่าไรนักอิงนั่งพูดเรื่องราวต่างๆที่น่าจะออกข้อสอบไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าคนข้างๆค่อยๆฟุบหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอถอนหายใจช้าๆพลางหันไปมองนาฬิกา เที่ยงคืน...คงจะเหนื่อยสินะ แต่จะให้หลับตรงนี้เดี๋ยวจะไม่สบายไปซะอีก คิดเสร็จเธอก็อุ้มคุมิไปที่เตียง(หลังจากพยายามปลุกขึ้นมาหลายรอบ) แล้วเอาผ้าห่มห่มให้สาวน้อยขี้เซาเบาๆเมื่อหัวค่ำจะเป็นยังไงนะถ้าเราเลือกที่จะบอกคำนั้นไป เรารู้แต่แรกแล้วว่าเราคิดแบบไหนกับเด็กสาวคนนี้ เพียงแต่รู้ว่าไม่ควรจะบอกไป ประเทศนี้ยังไม่ใช่ประเทศที่เปิดเรื่องเช่นนี้นัก แต่กิริยาที่คุมิทำให้เห็นทั้งหมดในวันนี้ก็พอจะให้ความหวังกับเธออยู่บ้าง อิงคิดแล้วเอามือลูบหัวคุมิเบาๆอย่างเอ็นดู ผู้หญิงคนนี้เองทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ทำให้เธอไม่นึกอยากกลับบ้าน จะเป็นอย่างไรกันถ้าไม่ได้มาพบเธอคนนี้ เราคิดถูกที่เลือกมาที่นี่แล้วทิ้งเรื่องราวน่าปวดหัวไว้ เราเองก็ไม่อยากเชื่อว่าเราจะนึกสนุกกับการได้ไปที่ต่างๆกับเธอคนนี้ ขอบใจนะที่ช่วยมาเป็นเพื่อน คอยมาอยู่ข้างๆกันถึงจะรู้ว่าที่จริงไม่ได้เต็มใจก็เถอะ ร่างสูงคิดไปช้าๆถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่มาถึงที่นี่ เธอหันไปมองเด็กสาวบนเตียงใหญ่อีกครั้งแล้วจึงหันไปทำอะไรนิดหน่อยที่ครัวจากนั้นจึงกลับห้องตัวเองไปเงียบๆ