ไม่ไหวก็ร้องออกมา! วิธีฝึก 'ร้องไห้บำบัด (Cry Therapy)' ลดเครียด ผ่อนคลายจิตใจ ในวันพังๆ ❤
บางวันอะไรๆ ก็แย่ ไม่เป็นใจไปซะหมด มีแต่เรื่อง! จนอยากจะร้องไห้โฮออกมาดังๆ งั้นลองร้องไห้บำบัดแบบนี้ดูสิคะ ลดความเครียด ร้องจบแล้วรู้สึกโล่ง สบายใจขึ้นแน่นอน
เผยแพร่: 27 พ.ย. 2562 16:46 น.
Views: 11,467
รหัสบทความ: 72856
เซย์ฮายค่าา สาวๆSistaCafeสุดเลิฟทั้งหลาย
ใครที่กดเข้ามาอ่านบทความนี้ มากอดๆ ก่อนค่ะซิส! //อ้าแขนรอ ใช้ชีวิตทุกวันนี้ไม่ง่ายเลยเนอะ ทั้งเรื่องที่บ้าน เรื่องเพื่อน ต้องคิดเรื่องอนาคตตัวเอง ไหนจะปวดหัวกับสภาพแวดล้อมที่เราควบคุมไม่ได้อีก บางครั้งมันก็กดดันมาก ไม่ไหวแล้ว อยากจะร้องไห้โฮออกมาดังๆ
แต่บางคนก็ฮึบ กลั้นไว้ พยายามเข้มแข็งแม้ในใจจะพังไปรอบที่ร้อย จนเริ่มเครียดสะสม เก็บกด มาระเบิดตู้ม! เป็นโรคซึมเศร้า หรือผิดปกติทางจิตใจ ต้องพบหมอก็เยอะ //ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย... ;___;
สาวซิสขา ใครที่กำลังใจบาง เจอวันพังๆ มา ไม่จำเป็นต้องทำตัวเข้มแข็ง สตรองตลอดเวลาหรอกค่ะ ร้องออกมาเลย!
รู้ไหมว่า การร้องไห้เป็นการลดความเครียดได้ดีเลยนะ แต่ต้องร้องให้ถูกวิธี อย่างการทำตามวิธี ' ร้องไห้บำบัด ( cry therapy ) 'ตามบทความนี้ ก็ช่วยให้ฮอร์โมนสมดุล ผ่อนคลายจิตใจ เป็นการแสดงอารมณ์ในเชิงบวกได้ดีสุดๆ
หลังร้องไห้ เธอจะรู้สึกโล่ง มีความสุขขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะ
เอาล่ะ เตรียมใจให้พร้อม หาผ้าเช็ดหน้าดีๆ สักผืน แล้วลองทำตามวิธีด้านล่างเลยค่า (ノ´ヮ`)ノ*: ・゚
1. ลืมไปก่อนว่า คนร้องไห้ คือ 'คนอ่อนแอ' เพราะมันไม่จริง!
ก่อนอื่น ให้ลืมสิ่งที่คนอื่นๆ บอกเธอก่อนว่า ' คนร้องไห้น่ะ เป็นคนอ่อนแอ ดูเป็นคนขี้แพ้ ' เพราะมันไม่จริงเลยสักนิดเดียว!คนส่วนใหญ่ ยิ่งรุ่นปู่ย่าตายาย มักจะปลูกฝังลูกหลานให้เข้มแข็ง ด้วยการห้ามแสดงอารมณ์ใดๆ โดยเฉพาะการร้องไห้ ใครมีน้ำตาให้คนอื่นจะโดนมองว่ามีจุดอ่อนทันที ถ้าเป็นผู้ชาย บางคนโดนมองเหยียดเลยด้วยซ้ำ ไม่ยุติธรรมกับน้ำใสๆ ในดวงตาเราเลยค่ะซิสเลิกความคิดอุดมคติว่าคนเข้มแข็งต้องไม่ร้องไห้ จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ร้องไห้ได้ทั้งนั้น ยิ่งกลั้นไว้นี่สิ จะยิ่งทำให้สภาวะอารมณ์และจิตใจดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทีก็สายไปแล้ว - -'ร้องออกมาเถอะค่ะ การแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่ผิดอะไรทั้งนั้น ร่างกายมนุษย์ออกแบบมาเพื่อรองรับการร้องไห้แล้ว ตาบวมก็หายได้ จมูกแดงก็หายได้ข้ามคืน แต่หัวใจถ้าพังแล้ว ฟื้นฟูยากมากนะเออ!
2. คิดทบทวนดูว่า ทำไมเราต้อง 'กลั้นน้ำตา' ไว้ด้วยล่ะ?
จากที่โดนกล่อมมาตลอดว่า คนสตรองต้องห้ามร้องไห้ ลองคิดในมุมกลับกันดูสิ แล้วทำไมต้องกลั้นน้ำตาไว้ด้วยล่ะ มีเหตุผลอะไรที่จะต้องห้ามไม่ให้ร้อง?
เพราะจะดูอ่อนแอ? กลัวคนมาล้อ? กลัวเสียภาพลักษณ์? เมื่อรู้เหตุผลแล้ว เธอจะเอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นค่ะ
จงทำใจยอมรับ และปล่อยวางเหตุผลนั้นดูสักครั้ง จะอ่อนแอก็ไม่เห็นเป็นไร ลดอาการยืดมั่นถือมั่น ไม่ต้องแคร์ภาพลักษณ์ตัวเองสักหน อนุญาตให้ตัวเองได้ร้องไห้ ได้ปลดปล่อยความในใจก่อน
ต่อจากนั้นก็เริ่มขั้นตอนการร้องไห้ได้เลยค่ะ
3. หาสถานที่สงบเงียบ อบอุ่น เพื่อจะได้ร้องอย่างสบายใจ
เมื่อพร้อมจะทำการ ' ร้องไห้บำบัด ' แล้ว จงหาสถานที่สงบเงียบ ( ถ้ามีความอบอุ่นด้วยก็ยิ่งดี ) เพื่อร้องไห้ให้เต็มที่ จะเป็นที่ไหนก็ได้ ที่เธอสบายใจ ปลอดภัยพอจะปลดปล่อยอารมณ์อาจเป็นห้องนอนตัวเอง ห้องน้ำ ที่ห้องตรวจของจิตแพทย์ บ้านเพื่อน หรือริมทะเลที่ไหนสักแห่ง ขอให้อยู่แล้วรู้สึก ' ไว้ใจ ' ก็เพียงพอแล้วค่ะเราเชื่อว่ามีสาวๆ หลายคนไม่กล้าร้อง ไม่อยากร้อง เพราะไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม ไม่ไว้ใจพอจะปล่อยน้ำตาออกมาถ้าเธอกลัวคนภายนอกจะได้ยินเสียงร้อง เราแนะนำให้เข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดน้ำจากฝักบัวแรงๆ ให้เสียงน้ำกลบ หรือเปิดเพลงดังๆ แล้วร้องไห้ในห้องนอนก็ได้ เอาวิธีที่เธอสบายใจ ตัวเธอเองรู้ดีที่สุดค่ะ
4. ร้องไห้อย่างมีสติ อย่าวอกแวก
ร้องไห้อย่างมีสติ เมื่อได้สถานที่ร้องแล้ว ให้ร้องเงียบๆ อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคิดอะไร ปล่อยหัวโล่งๆ อย่าวอกแวกกับสิ่งรอบตัว โฟกัสที่การร้องอย่างเดียว ไม่ร้องไห้แล้วทำอย่างอื่นไปด้วยถ้าดูทีวีอยู่ให้ปิดก่อน ถ้าคุยกับเพื่อนอยู่ก็วางสายซะ ( สำหรับบางคน ร้องไห้กับเพื่อนอาจจะช่วยได้ดีกว่า แต่บทความนี้จะเน้นบำบัดตัวเองก่อน )ใช้เวลากับตัวเองให้มาก ช่วงที่เราอยากปลดปล่อย การอยู่คนเดียวจะดีที่สุด ไม่ต้องเกรงใจใคร หรือกลัวหลุดพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป แค่ใช้การร้องไห้นี้ให้คุ้มค่าที่สุดก็พอ
5. หาเหตุผลว่า ใคร/อะไร/เหตุการณ์ใด ทำให้เธอต้องร้องไห้
สิ่งหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ เธอต้องย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นว่า ' อะไรเป็นสาเหตุทำให้เธอร้องไห้!? ' ใคร หรือเหตุการณ์ไหนกระตุ้นความเศร้า ความหงุดหงิด หรือความโกรธจนกลายเป็นน้ำตาออกมา
ตั้งสติแล้วคิดสาเหตุนั้นออกมาให้ชัดเจน เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไม ก็จะวนลูปกลับมาร้องด้วยเรื่องเดิมๆ ไม่จบไม่สิ้นค่ะ
นอกจากสาเหตุแล้ว เธอควรประเมินด้วยว่า สิ่งนี้ทำให้เธอโกรธแค้น เสียใจจนร้องไห้ได้ ' มากขนาดไหน ' เพื่อจะได้รู้ว่า จะแก้ไขต้นเหตุนี้ได้ยากง่ายเพียงใด
เช่น หากเป็นแค่เรื่องส่วนตัวของเธอ เธอก็จัดการเองได้เลย แต่หากเป็นสเกลที่ใหญ่ๆ อย่างครอบครัว โรงเรียน หรือประเทศ ก็อาจต้องมานั่งคิดแผนแก้ไขกันยาวหน่อย เป็นต้น
6. เข้าใจ ยอมรับปฏิกิริยาทางร่างกาย ที่อาจเกิดขึ้นหลังร้องไห้่
เมื่อสาวๆ ร้องไห้ ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแน่นอน ซึ่งแต่ละคนก็มีเอฟเฟกต์แตกต่างกันไป บางคนตัวสั่น บางคนจมูกแดงก่ำ บางคนตาบวมปิดเหมือนถูกต่อยมาก็มี
ซึ่งคนที่ร้องไห้หนักๆ นานๆ สะอึกสะอื้น ก็จะมีอาการคอหอยตีบตัน หายใจไม่ทันบ้างเป็นเรื่องปกติ ให้คิดว่า ' ความรู้สึกเศร้านั้นกัดกินตัวฉันอยู่ อย่าให้มันกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง ' จดจำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดีๆ
แต่เธอต้องยอมรับว่า หลังร้องไห้เสร็จใหม่ๆ อาจจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นทันที ให้รอหลังร้องไห้ประมาณ 90 นาที เธอจะรู้สึกถึงความแตกต่าง ทั้งหัวโล่ง จิตใจได้ถูกปลดปล่อย ตัวเบาไปชั่วขณะ
แต่ถ้าสาเหตุของน้ำตานั้นเก็บกดสะสมมาหลายปี ก็อาจต้องผ่านกระบวนการนี้อีกหลายรอบ จึงจะรู้สึก ' ถูกปลดปล่อย ' ได้จริงๆ ค่ะ
7. ถ้าเริ่มร้องแล้ว ต้องร้องให้จบ ร้องให้สุด อย่าค้างคาเด็ดขาด!
ถ้าตัดสินใจจะร้องแล้ว อย่ากั๊ก อย่าร้องๆ หยุดๆ เคลียร์ทุกอย่างให้พร้อม แล้วร้องออกมาดังๆ ให้เต็มที่ ร้องออกมาให้หมด!!!
โดยปกติแล้ว ระยะเวลาการร้องไห้ของคนทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 6 นาที แต่ก็อย่าถึงขั้นไปตั้งนาฬิกาจับเวลา ต้องร้องให้จบใน 6 นาทีขนาดนั้น
แต่ละคนก็มีเวลาร้องต่างกัน บางคน 2-3 นาที บางคนก็อาจเป็นชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเธอเลย ร้องให้นานเท่าที่เราพอใจเลยค่ะ
8. ร้องไห้ถึงจุดหนึ่ง ต้องหยุดแล้วไปต่อ ชีวิตต้อง Move On!
ถึงจะอนุญาตให้ตัวเองร้องไห้ได้หนัก และนานขนาดไหน แต่ถึงจุดหนึ่ง เธอต้องหยุดแล้วไปต่อค่ะ!ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ร้ายแรงแค่ไหน คนที่รักจากไป ไฟไหม้ โดนไล่ออกจากงาน ป่วยเป็นโรคร้าย etc. ชีวิตก็ต้องมูฟออนอยู่ดี ให้มองว่าการร้องไห้คือการปลดปล่อยอารมณ์ ให้สภาวะจิตใจได้ผ่อนคลายแต่ต้องยอมรับว่า มันก็อาจไม่ปลดล็อกปัญหาที่หนักๆ คั่งค้างหลายปีได้ 100% หรอก ยิ่งร้องนาน ร้องหลายรอบเกินไป เธอจะยิ่งติดอยู่ในอดีต ไม่ไปไหนสักทีร้องให้พอใจ แต่ต้องกะลิมิตไว้ว่า เท่านี้ แค่ครั้งนี้แล้วจบ เพราะอะไรที่มากหรือน้อยเกินไป ย่อมส่งผลเสียเสมอ เหมือนคำกล่าวที่ว่า ' ปาดน้ำตาแล้วเดินหน้าต่อไป ' นั่นเองค่ะถ้าใครอยากได้ quote ให้กำลังใจดีๆ ลองไปส่องจากบทความด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ >>>
------------------------
ก็ยังขอย้ำอีกรอบว่า ร้องไห้ ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ!! 2019 แล้ว เราต้องเลิกสร้าง mindset ผิดๆ ว่าการร้องไห้เป็นเรื่องน่าอาย ไม่ควรทำ จะต้องโดนเหยียด โดนดูถูก ทุกคนควรมีสิทธิ์ได้ปลดปล่อย แสดงอารมณ์ออกมา ถ้ามีอะไรก็กลั้น เก็บไว้ตลอด สุดท้ายมันก็ระเบิดออกมาอยู่ดี ถึงตอนนั้นก็สายเกินแก้ไขแล้ว มีอะไรก็ปล่อยมันออกมาแต่เนิ่นๆ จะได้แก้ไขทันค่ะแค่ทำตามนี้ ถึงปัญหาต้นตออาจยังไม่ถูกแก้ 100% แต่เธอจะรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างแน่นอน เราขอจับมือให้กำลังใจนะคะ ไม่ว่าเธอจะเจออะไรกันมา ก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทุกคนเลย ^_^ วันนี้ไปแล้ว เจอกันคราวหน้าค่ะ บ๊ายบาย