-- สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeทุกคน ( ̄ω ̄) --

ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ มันก็มีความรู้สึกอะเนอะ ถ้ามีคนมาใส่ร้าย ทำร้ายเราทั้งร่างกายและจิตใจ ก็คงต้องมีอารมณ์โกรธบ้างแหละ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเด้อ -_-


ยิ่งใครโดนบุลลี่ ใส่ร้าย นินทาซ้ำซาก ความเจ็บ ความโกรธแค้นมันก็ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนบางทีส่งผลต่อร่างกาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนอาจไปถึงขั้นต้นของโรคซึมเศร้าได้เลยค่ะซิส

ถ้าเธอเองก็เคยเจอเหตุการณ์แย่ๆ ที่ฝ่ายตรงข้าม move on ไปนานแล้ว แต่ตัวเธอเองยังไม่สามารถ ' หลุดพ้น ' ได้สักทีอาจถึงเวลาที่ต้องปล่อยวาง เอาตัวเองออกจากคนแย่ๆ toxic พวกนี้ออกจากความคิดเสียที

เราอาจเปลี่ยนคนนิสัยแย่ไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนที่ mindset ตัวเองได้เด้อ จะต้องทำยังไงบ้าง

ลองมาดูกันก่อนว่า การปล่อยให้สิ่งที่เรียกว่า' ความเกลียด'กัดกินหัวใจไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้น???

-- ทำไมเราไม่ควรปล่อยให้ 'ความเกลียด' เกาะกุมหัวใจ -- (︶︹︺)

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/c8/98/7a/c8987a3aedd28aa8bc8f6991e57b942a.jpg

ไม่ว่าคนที่ทำให้เธอโกรธ เจ็บแค้นจะเป็นใครก็ตาม เพื่อน คนรัก สมาชิกในครอบครัว หรือคนทั่วไปที่ไม่เคยสนิทตั้งแต่แรก การทำร้ายจิตใจ การพูดพล่อยๆ โดยไม่ตั้งใจ etc.การบุลลี่ก็คือการบุลลี่วันยังค่ำ ความสนิทไม่ได้ทำให้เราเสียความรู้สึกน้อยลง มันก็เจ็บเหมือนเดิม แถมยิ่งปล่อยไว้ในใจ มันก็ยิ่งเหมือนน้ำกรดกัดกร่อนหัวใจให้พังลงเรื่อยๆ และตัวเธอเองนั่นแหละที่จะพัง!ยิ่งเราเพาะเลี้ยงความเกลียดไว้ มันก็เหมือนสัตว์ประหลาดที่จะตัวโตขึ้นเรื่อยๆ มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน ทำให้ตัวเธอเองอ่อนแอลง จิตใจเริ่มไม่ปกติ ร่างกายก็เสื่อมถอยลงไปทีละนิดๆ จนวันหนึ่งเธออาจกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปซะเอง!ดังนั้นอย่าปล่อยให้เจ้าตัวนี้อยู่ในความคิดของเธอต่อไปอีกเลย ดึงมันออกกลับมาดูแลความรู้สึกตัวเองให้เยอะๆ และ Let it go กันดีกว่า แค่ทำตาม 7 ขั้นตอนง่ายๆ เท่านั้น จะมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ (*^.^*)

♡ Step 1 : 'ยอมรับความจริง'

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/11/27/i0PCaR.jpg

ขั้นตอนแรกของการกำจัดความเกลียด คือการ' ยอมรับความจริง 'ให้ได้เสียก่อนว่าเหตุการณ์จริงๆ คืออะไรสาวๆ บางคนจิตใจอ่อนไหว ไม่อยากยอมรับความจริง ( ที่อาจสะเทือนใจและรุนแรงกว่าที่จะคาดคิด ) จึงสร้างโลกเสมือน โลกส่วนตัวที่สวยงามของตัวเองขึ้นมา และปฏิเสธความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ซึ่งมันอาจจะดีในช่วงแรกๆ แต่ถ้าเวลาผ่านไปหลายปีล่ะ? เธอจะติดอยู่ในโลกที่เธอรู้ดีว่ามันไม่จริง วันดีคืนดีก็มานั่งร้องไห้ เพราะปมในใจไม่ถูกแก้สักทีน่ะเหรอ?อารมณ์เหมือนถนนพัง แต่เอาฝาท่อมาปิด แทนที่จะซ่อมถนนนั่นแหละค่ะ มันไม่ช่วยอะไรได้จริงๆ หรอกเธอต้องยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน มันอาจจะยาก อาจจะร้องไห้ ดำดิ่งมากในช่วงแรกๆ แต่มันจะทำให้เธอมีสติ และคิดหาทางเยียวยาตัวเองได้ต่อไปจำไว้ว่าคนที่ทำร้ายเธอในอดีต ไม่จำเป็นต้องทำร้ายเธอในปัจจุบันด้วย ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น และมันก็ผ่านไปแล้ว ดีที่สุด!!


♡ Step 2 : มองเหตุการณ์เป็นกลาง จากมุมมอง 'คนนอก'

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/11/27/i0P640.jpg

อาจจะดูขัดใจนิดนึง แต่ความเกลียด ความโกรธหลายๆ อย่างที่เราเป็นอยู่ บางทีเรื่องมันไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แต่เรามองจากมุมตัวเอง เราเลยเกลียด เลยโกรธจนไฟลุก คล้ายๆ กับเวลามีคดีอะไร ถ้าผู้ร้ายหรือเหยื่อเป็นคนที่เรารู้จัก หรือเป็นคนในครอบครัว เราจะมองคดีนี้แตกต่างจากคนนอกทันทีเราจะ ' อิน ' และมีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง จนบางทีทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน หลุดประเด็นจริงๆ ไปเลยก็มี ( เขาถึงห้ามตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาทำเคสที่รู้จักกับคนในคดียังไงล่ะคะ )ขอเว้นเคสที่โดนบุลลี่แบบไร้เหตุผล หรือเคสที่เธอโดนกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวนะคะ อันนั้นอีกฝ่ายผิดแน่อยู่แล้ว แต่! ถ้าเป็นการทะเลาะที่มีเหตุผลกันทั้งคู่ ลองมองในมุมอีกฝ่ายดูบ้าง ว่าเขามีเหตุผลที่ทำแบบนั้นมั้ย? ทำไมเขาถึงพูดหรือทำกับเธอแบบนั้น?และถ้าจิตใจแข็งแกร่งพอ ให้ถอยออกมาห่างๆ มองในมุมคนนอก และกล้าที่จะวิจารณ์นิสัยตัวเองตรงๆ บางทีอาจทำให้มองภาพอะไรได้ชัดมากขึ้น และหลุดพ้นจากความโกรธเกลียดนี้ได้ง่ายขึ้นค่ะ


♡ Step 3 : แม้จะยาก แต่ลอง 'ให้อภัยตัวเอง' ดูสิ

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/11/27/i0Pe4E.jpg

ในเคสที่เธอเองก็มีส่วนผิด ( หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่เลยด้วยที่ผิด ) ทำให้ความเศร้า ความเกลียดนั้นไปลงที่ตัวเอง โทษตัวเองเสมอมานานนับปี บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่เธอจะลอง ' ยกโทษให้ตัวเอง ' ดูสักครั้งค่ะขั้นตอนนี้อาจจะยากที่สุดแล้ว บางคนอาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านพ้นไปได้ การให้อภัยตัวเองไม่ได้หมายความว่า เธอเมินเฉยในเรื่องที่ตัวเองทำผิด แต่เธอลงโทษตัวเองมานานพอแล้ว และพร้อมจะก้าวสู่ขั้นตอนเยียวยาตัวเองต่อไปค่ะสาวๆ สายสตรองบางคนจะคิดว่า เรื่องที่ทำมันผิดมากมายมหาศาล ชาตินี้คงไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้อีกแล้ว แต่หากเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้ การเอาแต่โทษตัวเองซ้ำซากมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นลองให้อภัย ผ่อนปรนตัวเองบ้างสักครั้ง หาหนทางป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนี้ซ้ำ แล้วใช้ชีวิตต่อไป น่าจะดีกับสุขภาพจิตของเธอมากกว่านะคะซิส

♡ Step 4 : คิดถึงอนาคตข้างหน้า อย่าฝังใจกับเรื่องนี้ไป 'ตลอดชีวิต'

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/11/27/i0PmQN.jpg

เราคิดว่าสาวๆ ทุกคนที่อ่านบทความนี้ ไม่ว่าเธอจะเป็นเด็กวัยรุ่น วัยทำงาน หรือเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วก็ตาม

ทุกคนมีอนาคตอีกยาวนานที่จะก้าวต่อไป คิดถึงอนาคตเหล่านั้นให้มากๆ ยังมีอะไรอีกเยอะที่เธอต้องทำ

อย่าปล่อยให้ความโกรธเกลียดกัดกินตัวเอง จนไม่มีแรงไปทำอย่างอื่น

จงมี ' ความหวัง ' ที่เต็มเปี่ยมว่าชีวิตจะต้องดีขึ้น แสวงหาโอกาสน่าตื่นเต้นต่างๆ ในชีวิต เช่น เปลี่ยนสายงานใหม่ เรียนต่อ ไปเที่ยวต่างประเทศ เปลี่ยนกลุ่มสังคมใหม่ etc. เพื่อไม่ให้เธอจมจ่อมอยู่กับความคิดด้านลบนานเกินไป และทำให้เธอ Move On จากความเกลียดนั้นได้เร็วขึ้นค่ะ


❤ Step 5 : 'ให้อภัย' คนคนนั้น เพื่อ Move on และก้าวต่อไป

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/11/27/i0PMZS.jpg

เอาล่ะ เราคิดว่าขั้นตอนนี้น่าจะยากสุดๆ แล้ว ยิ่งใครเป็นคนรักแรง เกลียดแรงด้วยแล้วล่ะก็... แต่ถ้าอยากหลุดพ้น อยากมีหัวใจที่สบายซะที ก็คงหนีไม่พ้นการ ' ให้อภัยคนคนนั้น ' คนที่ทำให้เธอต้องโกรธ ต้องเกลียดปางตายนั่นแหละ แค่คิดก็เบ้ปากแล้วใช่มั้ย เราเข้าใจ...แต่อยากให้ปรับมุมมองว่า เธอไม่ได้อนุญาตให้เขาทำร้ายเธอได้ซ้ำๆ ซากๆ แบบนั้น แต่ให้คิดว่า ' ช่างมัน ฉันจะจบเรื่องนี้ ฉันจะปล่อยความแค้นนี้ไปจากฉันเสียที ' นั่นก็คือการให้อภัยแล้วล่ะค่ะเธออาจให้อภัยตัวเองได้ แต่เธอจะมูฟออนไม่ได้ 100% แน่นอน ถ้าเธอยังไม่แก้ปมที่ตัวต้นเหตุ หรือคนที่ทำร้ายเธอนั่นเอง!คือบางทีก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ หรือไปพยายามเปลี่ยนแปลงนิสัยคนคนนี้หรอก แค่เราต้องปล่อยวาง และเอาความแค้นจากคนคนนี้ออกไปให้ได้ เท่านี้ชีวิตก็จะไปต่อได้ง่ายขึ้นค่ะ


❤ Step 6 : 'บทเรียน' จากประสบการณ์นี้ เธอได้เรียนรู้อะไรบ้าง?

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/11/27/i0sMH0.jpg

ขั้นตอนถัดมาจากการให้อภัย คือ ' การได้บทเรียน ' ทบทวนซิว่าประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนอะไรเธอบ้าง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นวนลูปซ้ำอีก?ข้อนี้สำคัญมากนะคะ เพราะถ้าเธอเอาแต่ let go ปล่อยอย่างเดียว ให้อภัยอย่างเดียวแต่ไม่รู้ว่าต้นตอคืออะไร ชีวิตเธอก็จะได้โกรธ ได้เกลียดไปตลอดแหละ แค่เปลี่ยนสถานที่กับตัวผู้ร้ายแค่นั้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเอง คือบทเรียนที่ราคาแพงที่สุด ไม่มีใครทำให้ได้ เธอต้องก้าวผ่านด้วยตัวเอง เรียนรู้มันซะ แล้วเดินผ่านความโกรธเกลียดนี้อย่างมั่นคง โดยแน่ใจว่าเธอจะไม่กลับไปเหยียบมันซ้ำ!ถ้าตัวเองยังคิดไม่ออกว่ามีบทเรียนอะไร เล่าให้พ่อแม่ อาจารย์ หรือเพื่อนสนิทฟังก็ได้ค่ะ รับรองว่าได้ข้อคิดดีๆ กลับมาบ้างอย่างแน่นอน


❤ Step 7 : 'ปล่อยมันไป' Let it go เรื่องนี้ต้องจบเสียที!

รูปภาพ:https://sv1.picz.in.th/images/2019/11/27/i0272I.jpg

' ปล่อยมันไป อย่างที่เป็น~~~ 'มาเป็นราชินิเอลซ่า จาก Frozen กันดีกว่าค่ะซิส เลิกยึดติด วนเวียนอยู่กับความรู้สึกติดลบเสียที ชีวิตคนเรายังอีกยาวไกลลองนึกภาพง่ายๆ ว่าสถานการณ์นี้คือกล่องหนึ่งกล่อง คงถึงเวลาแล้วที่เราต้อง ' ปิดกล่อง แล้วล็อกกุญแจ ' เสียที ขังความรู้สึกแย่ๆ พังๆ ไว้ในกล่องนั้น โยนลงหลุมดินแล้วกลบฝังไปตลอดกาลซะ!อย่าปล่อยให้ความโกรธแค้น ความเกลียดต่างๆ ครอบงำหัวใจของเราไปมากกว่านี้ แงะ แกะมันออกมา โยนใส่กล่อง แล้วฝังลงหลุมไปให้หมด เชื่อเรา แล้วชีวิตของเธอจะมูฟออนได้อย่างมีความสุขอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข และมีรอยยิ้มไว้นะคะ อะไรๆ จะดีขึ้นเองเนอะ  (≧◡≦)

---------------------------------

การก้าวผ่านประสบการณ์ที่เลวร้าย แน่นอนว่าเป็นเรื่องยาก บางคนหลุดพ้นได้เร็ว บางคนใช้เวลาหลายเดือน หลายปี และบางคนก็อาจใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต แต่สุดท้ายถ้าเธอหลุดพ้นและ move on ได้จริงๆ จะใช้เวลาเท่าไหร่ก็คุ้มค่ะ ^_^การให้อภัยไม่ได้หมายความว่า เธอจะกลับไปเป็นเพื่อนหรือเอาคนนั้นเข้ามาอยู่ในชีวิตเสมอไปนะ แค่จบความคิดโกรธเกลียดนั้น ปล่อยไป ต่างคนต่างอยู่ ก็ทำให้เธอมูฟออนได้แล้วล่ะค่ะ

。゚( ゚^∀^゚)゚。

ขอให้สาวๆ ทุกคนได้คลายปมในใจ และก้าวต่อไปอย่างมีความสุขกันทุกคนน้า สู้ๆ ค่ะ วันนี้ขอตัวลาไปก่อน เจอกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายยย