อ้วน ดำ เตี้ย หน้าเป็นสิว ผิวไม่เนียน ไม่สวยเลย แบบนี้ไม่ได้ ต้องแบบนี้ถึงจะสวย เพื่อนๆ เคยได้ยินคำพูดตำหนิเหล่านี้กันบ้างมั้ย คำพูดสั้นๆ ธรรมดาๆ ที่สุดจะบั่นทอนความมั่นใจของเรา คงจะเคยได้ยินคำว่า Beauty Standard หรือ มาตรฐานความงาม กันใช่มั้ย? ความงามของแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกันเนอะ จริงๆ คำนี้มันไม่ควรมีข้อจำกัด ทุกคนก็มีความสวยงามในแบบของตัวเอง จริงมั้ย? วันนี้เราจะมาชวนเพื่อนๆ Talk เรื่องนี้กัน อยากรู้จริงๆ ว่า คำๆ นี้มันมาจากไหน แล้วมันส่งผลอะไรกับใครบ้าง แล้วมีวิธีในการรับมือกับมันยังไง มาไขข้อข้องใจไปพร้อมๆ กันที่นี่เลย!



💗💖💗💖💗💖💗💖💗💖💗💖



ความหมายของคำว่า Beauty Standard

Beauty Standardหรือ มาตรฐานความงาม คือ คุณค่าความงามที่ถูกกำหนดขึ้นจากคนในสังคมใดสังคมหนึ่ง ก็อย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ผู้หญิงสวย ต้องขาว สูง รูปร่างดี ผู้หญิงน่ารัก ต้องตาโต ตัวเล็ก รูปร่างกะทัดรัด คำพูดหรือคำกล่าวอ้างเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากค่านิยมของคนกลุ่มนึงที่คิดกันขึ้นมาเองทั้งนั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว บนโลกนี้ไม่ได้มีใครมากำหนดอะไรเอาไว้สักหน่อยว่า มาตรฐานแบบไหนคือ ดี และแบบไหนคือ ไม่ดี ยิ่งในปัจจุบันนี้ ความชอบ รวมไปถึงมาตรฐานความงามของคนก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ฉะนั้นจะเอาอะไรมาวัดกันได้เล่า จริงมั้ย


มาตรฐานความงาม มาจากไหน?

Beauty Standardคือ การวางกรอบเอาไว้อย่างชัดเจนว่า สวย หล่อ ต้องเป็นแบบไหน แต่ใครล่ะ ที่เป็นคนจำกัดความกรอบเหล่านี้ขึ้นมา เราก็เป็นคนนึงที่คิดมาเสมอว่า Beauty Standardมันเกิดมาจากไหน ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คงต้องย้อนดูกันไปอีกไกล เพราะการวัดมาตรฐานของมนุษย์มีมานานมากๆ แล้ว ตั้งแต่เรายังไม่เกิดด้วยซ้ำมั้ง ซึ่งค่านิยมความงามในแต่ละยุคสมัยและแต่ละประเทศก็แตกต่างกันออกไป ยาวมาจนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้นหากจะหาคำตอบว่ามาจากไหน เราเองก็คงตอบได้เพียงว่า 'สังคม' นี่แหละที่เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้มาตรฐานความงามนั้นค่อยๆ ถูกหล่อหลอมขึ้นมา



ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัด อย่างที่เกาหลีเขามีค่ามาตรฐานความงามที่ไม่ได้แตกต่างจากบ้านเรานัก เพราะไทยเองก็ได้รับอิทธิพลมาจากเกาหลี ผ่านทางอุตสาหกรรมบันเทิงที่เติบโตพอกันกับอุตสาหกรรมความงามนั่นเอง แม้ในปัจจุบันเกาหลีจะเปิดกว้างเรื่องความงามมากขึ้น แต่ค่านิยมแบบเดิมบางอย่างก็ยังคงอยู่ เช่น หน้าต้องสวยจิ้มลิ้ม รูปร่างต้องเพรียวบาง แต่งตัวต้องมีไตล์ ทั้งนี้ไม่ใช่แค่ที่เกาหลี แต่ฝั่งตะวันตกเอง เรื่อง Beauty standard ก็ไม่น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ถูกพูดถึงมากเท่าฝั่งเอเชีย แต่มันก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ข้อจำกัดของฟากตะวันตกจะเน้นไปที่ความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดกรอบว่าต้องเป็นแบบนี้แบบเดียวเท่านั้น จะเรียกว่าเปิดกว้างมากกว่าก็อาจใช่


ค่านิยมแบบBeauty Standard เป็นยังไง สร้างผลเสียแก่ใคร กระทบในเรื่องอะไรบ้าง?

บนโลกนี้ ไม่ได้มีแค่คนหล่อ คนสวยเท่านั้นนะ แต่ถึงอย่างนั้น คนส่วนใหญ่ก็ยังคงนิยมชมชอบแค่คนที่หล่อ และสวยกันเท่านั้น มาตรฐานของคนส่วนใหญ่ มักจะเริ่มวัดกันตั้งแต่รูปร่างหน้าตามาเป็นอันดับแรก หลายๆ คนมักจะคิดกันว่า คนที่หน้าตาดี ล้วนมีโอกาสมากกว่าคนหน้าตาธรรมดา ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องหน้าตานั้น ไม่ได้สำคัญเท่ากับความสามารถของคนเลยด้วยซ้ำ แต่แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึงคิดแบบนี้ เพราะรูปร่างหน้าตาคือสิ่งแรกที่เราสามารถมองเห็น และใช้ในการตัดสินใจในเบื้องต้นได้ง่ายกว่า โดยที่เราไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากมายเลยยังไงล่ะ


ด้วยความที่สังคมดูเหมือนจะชื่นชมคนหน้าตาดีมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นจึงทำให้คนหน้าตาธรรมดาๆ รู้สึกหมดหนทาง และต้องพยายามพัฒนารูปลักษณ์ของตัวเองให้เป็นไปอย่างที่มาตรฐานของสังคมต้องการมากขึ้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพียงแต่พอมีคำว่า Beauty Standard เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ ความเป็นตัวเองของแต่ละคนก็จะยิ่งน้อยลงตามไปเท่านั้น ค่านิยมเหล่านี้ทำให้ความคิดของหลายๆ คนบิดเบี้ยว จนกลายเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงจิตใจของคนที่โดนกระทำ ผ่านการบูลลี่เรื่องรูปร่างหน้าตา ไม่ว่าจะทั้งต่อหน้า หรือแม้แต่ใน Social Media ก็ตาม


รูปภาพ:
credits รูปภาพ: ขอบคุณภาพประกอบจาก Body Shaming and Media Blaming ( https://weare.wcc.nsw.edu.au/3665/opinions/body-shaming-and-media-blaming/ )

ผลกระทบหลักๆ ของBeauty Standard คือ บ่อนทำลายความมั่นใจของคนได้ทีละเล็กละน้อย ในมุมของคนธรรมดา ถ้าเราไม่ตรงกับมาตรฐานความงามของคนส่วนมาก เราอาจจะโดนดูถูกเรื่องรูปลักษณ์จากคนรอบตัวได้ ทั้งเพื่อน แฟน เพื่อนร่วมงาน ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่คนในครอบครัว แต่ในมุมของคนที่มีชื่อเสียง ดารา นักร้อง ไอดอล เมื่อไหร่ก็ตามที่หน้าตาและรูปร่างของพวกเขาไม่ตรงตามมาตรฐานความงาม พวกเขาจะโดนโจมตีอย่างหนัก และอาจจะหนักกว่าคนธรรมดาๆ อย่างพวกเราด้วย ถ้าให้พูดง่ายๆ เลย การวัดคนคนนึงจากมาตรฐานความงาม ล้วนมีผลกระทบต่อทุกๆ คนเลยค่ะ ไม่ใช่แค่คนที่หน้าตาไม่ตรงกับมาตรฐานความงามในสังคม แต่กับคนที่ขึ้นชื่อว่าหน้าตาดีบางคน ก็ยังโดนมาตรฐานเหล่านี้โจมตีได้เลย เพราะอะไรรู้มั้ยคะ? เพราะมันขึ้นอยู่ที่มุมมองของคน ถ้าเราตรงกับความชอบของเขา เขาก็รัก ก็ชมเรา แต่ถ้าเราไม่ตรงตามมาตรฐานของเขา เขาก็ด่า ก็ตำหนิเรา โลกแห่งความเป็นจริง มันก็น่ากลัวแบบนี้แหละ!


วิธีรับมือและเอาชนะกับบิวตี้สแตนดาร์ด

มันไม่ง่ายเลยนะ ที่จะรับมือกับโลกที่เต็มไปด้วยคำว่าBeauty Standard แต่ถึงอย่างนั้นวิธีรับมือกับเรื่องแบบนี้ก็ยังพอมีอยู่ และวันนี้เรารวมวิธีรับมือและเอาชนะคำว่า Beauty Standardมาแชร์ถึง 5 ข้อ จะมีวิธียังไงบ้าง ไปดูกันเลย!


1. Love Yourself

สิ่งสำคัญ ที่จะทำให้เราผ่านช่วงเวลาการถูกบูลลี่ไปได้คือ Love Yourself เราต้องรักตัวเอง ใครจะมองเรายังไง ช่างมัน สำคัญที่สุดคือ เราต้องไม่ดูถูกและด้อยค่าตัวเองเด็ดขาด ให้กำลังใจตัวเอง รักตัวเอง รักในความเป็นตัวเอง เมื่อเรารักตัวเองมากพอ แคร์ตัวเองมากพอ คำพูดแย่ๆ ของคนอื่น จะไม่สามารถทำร้ายอะไรเราได้เลยค่ะ เราห้ามคนอื่นมองเหยียด หรือดูถูกเราไม่ได้นะ แต่เราห้ามตัวเองไม่ให้ดูถูกตัวเองได้ค่ะ เพราะฉะนั้นการรักตัวเอง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก


2. เราแค่แตกต่าง แต่เราไม่ได้แปลกแยก

การที่เราไม่สวย ไม่น่ารัก อวบ ผิวไม่ขาว หรือการที่เรามีจุดด้อย มันไม่ได้หมายความว่า เราแปลกแยกนะคะ แต่เราแค่ดูดีในแบบของเรา เราแค่แตกต่างจากคนอื่นเท่านั้นเอง การที่เราแตกต่าง ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ดี เพราะฉะนั้นอย่าด้อยค่าตัวเอง ยิ่งเราด้อยค่าตัวเองมากเท่าไหร่ คุณค่าในตัวเรามันก็ยิ่งน้อยลงมากเท่านั้น ฉะนั้นจำเอาไว้เสมอเลยว่า คนทุกคนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน เราก็สวยในแบบของเรา มั่นใจ เชิดหน้าเข้าไว้ สักวันเราจะผ่านคำติต่างๆ นั้นไปได้แน่นอน


3. อย่าเปลี่ยนตัวเองจากความเกลียด

การเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่มันจะดียิ่งกว่า ถ้าเราเลือกจะเปลี่ยนเพื่อตัวเรา ไม่ใช่เพราะความเกลียดชังของใคร เข้าใจคำว่า เกลียดมั้ย ต่อให้เราจะดูดีขึ้นมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับคนที่เกลียดเราหรอก ท้ายที่สุดแล้ว คนพวกนั้นก็จะพยายามหาจุดด้อยของเรา ออกมาโจมตีเราให้ขนได้นั้นแหละ เพราะงั้นถ้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็ขอให้ทำเพื่อพัฒนาตัวเองให้มันดีขึ้นเพื่อตัวเอง อย่าพยายามเปลี่ยนเพื่อคนที่เกลียดตัวเรา เพราะมันไร้ประโยชน์ ขอบอกไว้ตรงนี้เลย!


4. ปล่อยให้เป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา

เราไปห้ามความคิด หรือปากของใครไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นถ้าเขาหรือใครเดือนร้อนกับการเป็นตัวเรา ก็ช่างเขาไปเลย ทำไมเราจะต้องแคร์คำพูดหรือความคิดของคนที่เกลียดชังเราด้วย ในเมื่อเขาเดือดร้อนเอง มีปัญหาเอง ก็ปล่อยเขาไป เราก็อยู่ของเรา มีความสุขในแบบของเราไป ต่างคนต่างอยู่ไป ปัญหาของเขา ก็ปล่อยเขาไป คนพวกนั้นก็ดีแต่ใช้คำพูดร้ายๆ ทำลายคนอื่น ถ้าเราไปเก็บมาคิดหรือใส่ใจ มันก็เป็นแค่ขยะเน่าเสีย ที่ส่งกลิ่นเหม็น เดี๋ยวสักพักมันก็ย่อยสลายไปเอง ก็แค่นี้!


5. มองโลกตามความเป็นจริงที่ว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด

การก้าวผ่านคำตำหนิ เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก แต่อยากให้ลองปรับมุมมองดู ลองมองโลกในแง่บวกมากขึ้น และอย่าเอาคำพูดบูลลี่ต่างๆ มาด้อยค่าตัวเอง บนโลกนี้ไม่มีใครเกิดมาแล้วสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด คนทุกคนย่อมเกิดมาพร้อมกับข้อดีและข้อเสียค่ะ เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดเพื่อตัวเองคือ การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เก็บคำต่อว่า คำดูถูกเหล่านั้นมาเป็นพลัง ผลักดันตัวเองให้ดูดี ดูสวย ดูน่าชื่นชมมากขึ้น งภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น แล้วคําสบประมาทเหล่านั้น จะทำะไรเราไม่ได้เลย


รูปภาพ:
ขอบคุณภาพประกอบจาก @freepik จากเว็บไซต์ Freepik

สรุปข้อคิดจากเรื่อง Beauty standard ได้อะไรบ้าง

การตัดสินคนจากBeauty Standard ไม่ได้แค่ทำลายเฉพาะความมั่นใจของคนคนนึงเท่านั้น แต่บางการกระทำ บางคำพูด อาจจะทำลายชีวิตของคนคนนึงได้เลยนะ แม้จะบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดเหล่านั้น ก็ตาม แต่เมื่อเราได้รับอะไรที่มันลบๆ มากขึ้น แน่นอนว่ามันย่อมทำลายความรู้สึกเป็นของธรรมดาอยู่แล้ว ฉะนั้นใครที่ยังเลือกตัดสินคนแค่หน้าตาอยู่ ทุกวันนี้มันเอ้าท์ไปแล้วนะคะ เพราะไม่ว่าคุณจะเกิดมามีรูปร่าง หน้าตาแบบไหนก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นคนของคุณลดน้อยลงไปหรอกค่ะ ทุกคนมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ฉะนั้นหน้าตาดีไม่ดี รูปร่างดีไม่ดี มันเอามาวัดอะไรไม่ได้เลย ตรรกะแบบนี้ถึงคราวต้องลบทิ้งกันไปได้แล้วค่ะ



💗💖💗💖💗💖💗💖💗💖💗💖



แม้ทุกวันนี้ Beauty standard ยังคงเป็นกรอบที่หลายๆ คนคิดและหยิบมาใช้กันอยู่ แต่จงจำเอาไว้ว่า กรอบเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้คุณค่าของตัวเพื่อนๆ ลดลงเลยนะคะ ฉะนั้นอย่าได้เก็บมาใส่ใจ การที่เราเป็นตัวเอง และสวยในแบบที่เราเป็น มันดีที่สุดแล้วค่ะ การยึดติดกับคำพูดชองคนอื่นมากเกินไป มันก็ไม่ดีนะ มีแต่จะบั่นทอนความรู้สึกของตัวเองลงมากกว่า เพราะงั้นรักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น ไม่จำเป็นต้องตรงตาม Beauty standard ก็ได้ เพราะความสวย หล่อ มันมันไม่ข้อจำกัดค่ะ สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย



บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ