ย้อนกลับไปถึงความหวานของนิทานก่อนนอน เทพนิยายเจ้าชายและเจ้าหญิง เชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้ยังคงซ่อนอยู่ในความจำเล็กๆ ของทุกคนใช่ไหมคะ เช่นเดียวกับ
"
Mocking Tales "
คาเฟ่ทองหล่อ
4 แห่งนี้ ที่นำไอเดีย
Fairy tale
หรือเทพนิยายมาเนรมิตเป็นร้านน่านั่ง งานโรแมนติกก็มา งานหรูหราก็มี งานนี้ตามไปมุงกันด่วนนนนนน
!!
สำหรับร้าน
" Mocking Tales "
ตั้งอยู่ในโครงการ
The Maze Thonglor
จัดเป็นอีกหนึ่ง
คาเฟ่ทองหล่อ
ชิคๆ ในย่านกลางเมืองแห่งนี้ค่ะ พูดถึงความเก๋นอกจากการแต่งร้านที่ไม่เหมือนใครแล้ว
เรื่องราวหรือคอนเซ็ปต์ยังน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเขาได้หยิบเอาความสวยงามของเทพนิยายมาตีความออกเป็น 2 ด้าน ในแบบ
Daylight Nightlight
คล้ายๆ การ์ตูนดังของดิสนีย์ ที่เดี๋ยวนี้ถูกนำมาสร้างเป็นหนังเพื่อบอกเล่าเรื่องราวฝั่ง Darkside ของตัวร้ายในมุมมองอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่นั่นเองค่ะ
คาเฟ่ทองหล่อไม่ได้มีแค่ร้านเดียวนะ
ปาร์ตี้ Tea Time ไปกับ Dandelion Cake and Picnic คาเฟ่สุดชิคในย่านทองหล่อ
https://sistacafe.com/summaries/22204
ไปนั่งเหม่อที่ Wie Immer Bangkok คาเฟ่ทองหล่อ 14
https://sistacafe.com/summaries/25395
ส่องพ่อค้าแซ่บจิบกาแฟราคาเบาๆ ที่ Mondao x Radi ทองหล่อ
https://sistacafe.com/summaries/25046
Day Dessert & Night Bar @ Mocking Tales คาเฟ่ทองหล่อ
จากตีมข้างต้นทำให้รูปแบบการเสิร์ฟอาหารของ
" Mocking Tales "
บอกเลยว่ากิ๊บเก๋ไม่เหมือนใครด้วยการนำเสนอแบบ
Day Dessert & Night Bar
ในช่วงเวลากลางวันสาวๆ จะได้มานั่งทานขนมหวาน จิบเครื่องดื่มเบาๆ จำพวกชากาแฟ แบบคาเฟ่ใสๆ แต่พอพระอาทิตย์ตกดินปุ๊บ หลังเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
Mocking Tales
จะแปลงร่างเป็นบาร์ค็อกเทลให้นั่งดริ๊งก์ชิลล์ๆ กลายเป็นอีกฟีลลิ่งหนึ่งไปเลยล่ะขอบอก
นอกจากนั้นแล้ว มาที่ร้านนี้ไม่ต้องกลัวเบื่อ เพราะทางร้านจะหมุนเวียนเปลี่ยนตีมตกแต่งร้าน รวมไปถึงเมนูอาหารเป็น
chapter
แบ่งออกเป็น
3 chapter
ต่อปี โดยนำ Fairy Tale เรื่องต่างๆ มาเป็นแรงบันดาลใจ ถ้าเพื่อนๆ ไปในช่วงนี้จะอยู่ในช่วง chapter
" Under The Sea"
เรื่องราวของใต้ท้องทะเลลึก
แบบนี้เลิกงานก็ไปกินของหวานไม่ทันสิ
ข้อนี้สำหรับสาวๆ วัยทำงานที่ชอบทานของหวานก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะด้วยทำเล
คาเฟ่ทองหล่อ
ทำให้
" Mocking Tales "
ยังคงเสิร์ฟเมนูของหวานยาวไปจนถึงเวลา 22.30 น. เลยจ้า
ทางด้านเมนูขนมของที่นี่จะเป็นเมนูเฉพาะที่คิดขึ้นใหม่ตามคอนเซ็ปต์ร้านหาคาเฟ่ใดมาเหมือนค่ะคุณ แถมยังเป็นเมนูโฮมเมดที่วัตถุดิบใช้ของดีคุณภาพคับแก้ว โดยเฉพาะไอศกรีมที่มีให้เลือกมากกว่า 12 รสชาติ เป็นรสชาติใหม่ที่ทีมเชฟคิดขึ้นมาเองอีกด้วยนะ
ส่วนของหน้าตาเรียกได้ว่าวิลิศมาหรา สวยปังอลังการ มีลูกเล่นในการกินให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันทุกเมนูเลยทีเดียวค่ะ มาเริ่มต้นที่เมนูแรกที่เป็นไฮไลท์ ใครมาเป็นอันต้องจัดอย่าง
Inferno Moutain ( 480++ บาท )
ช็อกโกแลตภูเขาไฟที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก
The Lord of The Ring
ช็อกโกแลตรูปทรงภูเขาที่เมื่อราดด้วยเหล้าส้มและจุดไฟ จะละลายกลายเป็นภูเขาไฟลาวาสอดไส้ข้างในไว้ด้วยไอศกรีมโฮมเมด 3 ลูกโตที่สามารถเปลี่ยนรสได้ตามชอบใจ ทานคู่กับบราวนี่แท้ๆ รสชาติเข้มข้น ปิดท้ายด้วยการราดซอสราสเบอร์รี่ผสมเหล้าส้ม จานนี้น่าจะถูกใจสำหรับสายขนมที่ไม่ชอบทานหวานมากได้ดีเลยค่ะ
ไปต่อกันที่เมนูพิเศษใหม่แกะกล่องที่มีแค่ช่วง
chapter" Under The Sea "
นี้เท่านั้น กับ
Sacred Groung under the sea ( 320++ บาท )
วุ้นหยดน้ำที่เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม ผลราสเบอร์รี่สด และเค้กราสเบอร์รี่ จัดแต่งให้มีความคล้ายปะการังใต้ท้องทะเล
แถมยังมีความว้าวตรงที่ส่วนของวุ้นหยดน้ำจะสามารถเรืองแสงได้เมื่อกระทบกับแสงไฟ blacklight จากซีเคร็ตเคล็คลับของร้านโดยเฉพาะ เลอค่ามากๆ
กินหนักขนาดนี้เดี๋ยวจะติดคอ ต้องขอจิบเครื่องดื่มสวยๆ ตาม งานนี้
" Mocking Tales "
จัดมาให้ทั้งสายใสและสายเข้ม แก้วแรกกับ
Cookie Mint Monster milk shake ( 175 บาท )
สำหรับใครที่เป็นคอมินต์เลิฟเวอร์ แก้วนี้มีความแนะนำเพราะทำมาจากไอศกรีมมินต์โฮมเมดที่ให้มินต์เต็มๆ หอมสดชื่น
แต่สำหรับสายเข้มคอกาแฟควรลอง
Shining Tropical ( 125 บาท )
เป็นการนำกาแฟมามิกช์เข้ากับผลไม้อย่างเสาวรส ความขมของกาแฟถูกตัดด้วยความเปรี้ยวของเสาวรส ง่วงแค่ไหนจิบทีมีตื่นแน่นอนค่ะ
Castle of Beauty and the Beast @ Mocking Tales คาเฟ่ทองหล่อ
ชิมอาหารกันพอหอมปากหอมคอแล้ว กลับมาเดินชมตัวร้านกันสักหน่อย แน่นอนหากขึ้นชื่อว่าเป็น
คาเฟ่ทองหล่อ
ความชิคของร้านย่อมไม่น้อยหน้ากัน เช่นเดียวกับ
" Mocking Tales "
ที่มีในคอนเซ็ปต์เทพนิยายเม้าท์กันไปข้างต้น ทำให้การตกแต่งจงใจให้ออกมาเป็นเหมือนปราสาทโบราณที่ได้แรงบันดาลใจมาจากในเรื่อง
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ( Beauty and the Beast )
ตัวร้านคุมโทนสีดำเป็นหลัก จุดเด่นอยู่ที่การนำ
บานประตูเหล็กยืดโบราณ
มาตกแต่งตามส่วนต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือเหล่าหุ่นเหล็กอัศวินซึ่งทำหน้าที่เหมือนผู้พิทักษ์สถานที่แห่งนี้ แสงไฟสลัวๆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศ
กลิ่นอายโกธิค
เหมือนได้หลุดเข้ามานั่งเล่นในปราสาทของเจ้าชายอสูร
โดยแบ่งโซนต่างๆ ให้เหมือนห้องต่างๆ ในปราสาท ไม่ว่าจะเป็น หอคอย ห้องอาหาร ห้องใต้ดิน ห้องปรุงยา ฯลฯ แต่ถ้าเพื่อนๆ มาช่วงกลางคืนแนะนำให้
แมทช์เสื้อผ้าสีขาว
มานะจ๊ะ เพราะแสงไฟ
blacklight
ที่ติดอยู่ทั่วบริเวณร้านจะกระทบให้ดูเรืองแสงได้ ให้อีกบรรยากาศหนึ่งที่ยิ่งสวยขึ้นไปอีก
มีโฉมงามแล้วก็ต้องมีเจ้าชาย
" Mocking Tales "
เขาก็มีเจ้าชายเหมือนกัน งานนี้ไม่ใช่เจ้าชายอสูรนะออกตัวก่อนเลย เพราะชายหนุ่มผู้นี้คือ
พ่อค้าแซ่บ
ประจำร้านซึ่งก็คือคุณเจี้ยน หนึ่งในหุ้นส่วนควบตำแหน่งบาริสต้า ผู้เคยไปวาดลวดลายเชคเครื่องดื่มไกลถึงประเทศออสเตรเลีย เรียกว่ามาคาเฟ่ทองหล่อแห่งนี้มีทั้งอาหารจริงให้อิ่มท้อง และอาหารตาให้อิ่มใจ สาวๆ นั่งทั้งวันไม่มีเบื่อ เราลองมาแล้วยู้วววว :P
เอาเป็นว่าใครเป็นสายไหนก็เลือกมาตามเวลาที่ถูกใจได้เลย เพิ่มเติมอีกนิดสำหรับ
ในทุกๆ วัน พุธ-ศุกร์ ทางร้านเขาก็มีดนตรีสดมาเล่นด้วยนะ
หากอยากจะมานั่งชิลล์จิบแอลกอฮอล์ฟังดนตรีดีๆ ก็ดูเป็นตัวเลือกที่เข้าท่าไม่น้อย งานนี้
Sista
Cafe
ขอปักหมุดแรงๆ หนึ่งทียกให้
" Mocking Tales "
เป็นอีกหนึ่ง
คาเฟ่ทองหล่อ
ที่ไม่ควรพลาด!!
วันนี้เราต้องขอตัวไปก่อนแล้วล่ะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ N.