" ตายแล้ว อ้วนขึ้นได้ยังไงเนี่ย " ∑(O_O;)
เธอกรีดร้องหน้าตาชั่งหยอดเหรียญ ตัวเลขสีแดงที่ปรากฎอยู่บนนั้นทำให้มือที่ถือชานมไข่มุกกับช็อกโกแลตของโปรดสั่นระริก ดวงตาที่อ่อนล้ากลับเป็นประกายมุ่งมั่น ทิ้งขนมทั้งถุงลงถังขยะแล้วบึ่งไปซื้อสลัดผักมากินงดแป้ง งดน้ำตาลรัวๆ สิ่งเดียวที่จะเข้าปากเธอได้คือน้ำเปล่า ผัก และเนื้อไก่จืดๆ ไม่ติดมันเท่านั้น คลีนไปอีก!
และที่ขาดไม่ได้ ตั้งรูปโปรไฟล์เฟสบุ๊คใหม่เป็นคำว่า
' ไม่มีรูปจนกว่าจะผอม '
( เรารู้ว่าเธอหรือเพื่อนต้องเคยทำ ) แต่ละมื้อกินน้อยนิด คิดว่าอีกไม่นานต้องหุ่นดีอย่างใจแน่นอน
แต่อนิจจา... สุดท้ายความตั้งใจก็ล้มเหลว ผ่านไปไม่กี่วันก็ตบะแตก ตะลุยกินเค้กอย่างไม่บันยะบันยัง รูปแสดงความตั้งใจนั้นถูกลบออกไปอย่างเงียบๆ แล้วใช้รูปสมัยอดีตที่ยังผอมแทน สรุปอ้วนกว่าเดิม( เผลอๆ ได้โรคกระเพาะแถมมาอีก! -_- )
เชื่อเถอะว่า การ 'กินน้อยๆ' ( เรียกว่าอดอาหารเลยดีกว่า = = ) ไม่ได้ช่วยให้ไดเอทสำเร็จแน่นอน
เพราะอะไรน่ะเหรอ... อ่านบทความนี้ เธอจะพบคำตอบค่ะ เริ่มเลย!
การ 'กินน้อย' = อดอาหาร ยิ่งอ้วนกว่าเดิม
เมื่อคนส่วนใหญ่คิดว่าจะต้อง 'ไดเอท' สิ่งที่พวกเขานึกถึงคือ ความทรมาน, ความหิวและ 'การควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด' จนเรียกว่าอดอาหารเลยก็ได้ -_-สาวๆ เหล่านี้จะลดปริมาณอาหารในแต่ละวันลง จากที่เคยกินจานสองจาน เหลือแค่ครึ่งจานหรือ 3-4 คำ ระบบร่างกายจะงง อัตราเผาผลาญยังคงทำงานปกติ ดังนั้นเมื่อสัปดาห์แรกผ่านไปน้ำหนักของเธอจะลดลงฮวบฮาบ อาจแตะสูงสุดถึง 5 กิโลกรัมเลยล่ะค่ะพวกเขาจะดีใจมากที่น้ำหนักลดลง แล้วตั้งมั่นไว้ในใจว่า" เย้! ถ้ากินอย่างนี้แล้วน้ำหนักลด 5 กิโลกรัม อยากลดอีกก็ต้องกินน้อยลงอีก ต่อไปกินมื้อเดียวดีกว่า "แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นอย่างนั้น... 2-3 สัปดาห์ผ่านไป สาวๆ เหล่านี้ก็พบว่าน้ำหนักไม่ได้ลดลงเยอะตามที่ควรจะเป็น ( แน่ล่ะ! ร่างกายไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์ที่จะบวกลบได้เป๊ะๆ ขนาดนั้น! ) ทั้งที่กินน้อยลง แต่เธอกลับลดได้แค่สัปดาห์ละ 2-3 กิโลกรัม สัปดาห์ต่อมาลดลงเหลือแค่ 1 กิโลกรัม จนในที่สุดก็ไม่ลงอีกเลยอารมณ์หงุดหงิดก็มาน่ะสิ จนในที่สุดเธอก็คิดด้วยความโมโหว่า" ยังไม่ลดอีกใช่ไหม! งั้นฉันจะไม่กินอะไรอีกแล้ว คอยดูซิว่าจะเป็นยังไง "//จะเป็นยังไง ก็ตายน่ะสิ =_=ก่อนอื่นอย่าเพิ่งคิดสั้นอย่างนั้น.... มารู้กันก่อนว่า ช่วงที่อดอาหาร เกิดอะไรขึ้นในระบบร่างกายของเธอกันนะ...
ทำไมการ 'กินน้อยๆ' ถึงไม่ได้ผล!
มาเรียนรู้ระบบร่างกายกันดีกว่า... \(★ω★)/
เมื่อเธออดอาหารในสัปดาห์แรก
ระบบเผาผลาญ ( เมตาบอลิซึ่ม ) จะเกิดภาวะ
'ช็อค'
ที่ปริมาณอาหารเข้าสู่ร่างกายน้อยลง อย่างไรก็ตาม น้ำหนักส่วนใหญ่ที่หายไปคือ
'น้ำ'
อาจมีไขมันอยู่แค่ 1-2 กิโลกรัมเท่านั้น
เมื่อเธออดอาหารในสัปดาห์ที่สอง
ระบบเมตาบอลิซึ่มยังคง
'ช็อค'
อยู่ ร่างกายจึงยังเผาผลาญปกติ ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ฮวบฮาบเท่าสัปดาห์แรกก็ตาม
เมื่อเธออดอาหารในสัปดาห์ที่สาม
ร่างกายจะเริ่มคุ้นชินและเตรียมรับมือกับแคลอรี่ที่น้อยลง เพื่อให้ระบบภายในทำงานเป็นปกติ
ดังนั้นน้ำหนักจะหยุดนิ่ง และไม่ลงอีกต่อไปแล้วค่ะ
ลองคิดถึงสถานการณ์ของตัวเองสิ...
" ถ้าเธอมีรายได้น้อยลง แต่ค่าใช้จ่ายเท่าเดิม "
เธอจะทำอย่างไร เธอต้อง
' ตัดค่าใช้จ่ายลง '
เพื่อให้พอดีกับจำนวนเงินที่เหลืออยู่ใช่ไหม ร่างกายก็เช่นกัน!
ถ้าร่างกายเห็นว่า
' ค่าใช้จ่าย ( อัตราเผาผลาญพลังงานและไขมัน ) '
สูงเกินไป มันจะเริ่มประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการลดอัตราเผาผลาญลง เพื่อให้ร่างกายยังกักเก็บไขมันไว้ไม่ให้อดตาย หรือเรียกว่า
'ภาวะจำศีล'
นั่นเองค่ะ
ถ้าเธอยังดึงดัน อดอาหารต่อไปเรื่อยๆ ให้น้ำหนักลดลง ( แม้จะลดแบบช้าๆ ก็ตามที ) ร่างกายจะใช้วิธี'สลายกล้ามเนื้อ'เพื่อให้ระบบภายในยังคงอยู่ต่อไปได้
กล้ามเนื้อเป็นอวัยวะที่ใช้พลังงานเยอะ ( ค่าใช้จ่ายเยอะนั่นเอง ) ร่างกายจึงกำจัดออกเป็นด่านแรก และดีใจด้วย...ไขมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ร่างกายจะกำจัดออกค่ะ
คนส่วนใหญ่จะเริ่มตบะแตกเมื่อทนอดอาหารประมาณ 3 สัปดาห์และพบว่าน้ำหนักคงที่ ในที่สุดพวกเขาจะลืมทุกสิ่งแล้วกินอย่างบ้าคลั่งระบบเผาผลาญจะเกิดภาวะ 'ช็อค' อีกรอบเพราะเผาผลาญพลังงานไม่ทัน ไขมันสะสมก็มา จะอ้วนขึ้นรัวๆ ก็ตอนนี้แหละ
น้ำหนักที่หายไปในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเด้งคืนกลับทั้งหมด( เผลอๆ จะหนักขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะเธอใช้วิธีไดเอทผิดๆ จนระบบเผาผลาญต่ำไปเรียบร้อยแล้ว )
แต่ทั้งนี้...ก็ยังมีสาวๆ บางคนที่ยังคงยึดมั่นกับการอดอาหาร วนเวียนอยู่ในลูปเดิมๆ จนกลายเป็นโรค 'อะนอเร็กเซีย' หรือโรคกลัวอ้วนในที่สุด ร่างกายจะเริ่มซูบ ผอมโซจนไม่ต่างกับโครงกระดูกเดินได้ ไม่มีแรงเดินเหิน จนในที่สุดก็ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล -_-
เดี๋ยวก่อน.. ถ้าอย่างนั้น วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องคืออะไรล่ะ
ข้อแรกเลย เธอต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่าจะ'ลดน้ำหนัก'เปลี่ยนเป็นว่าจะ'ลดไขมัน'หรือ'คงสภาพ / สร้างกล้ามเนื้อ'จะตรงจุดกว่าค่ะ
วิธีแก้ไขเพื่อหลุดพ้นจากสภาวะ 'จำศีล'
1. เลิกกินอาหารขยะ ( จังค์ฟู้ด ) และอาหารสำเร็จรูปทั้งหมด แล้วหันมากิน 'อาหารคลีน' หรืออาหารที่มาจากธรรมชาติ ไม่ผ่านกระบวนการทางโรงงานใดๆ เช่น ข้าวกล้องไม่ขัดสี ผักผลไม้สด เป็นต้น
2. ลด ละ เลิกอาหารที่มีไขมัน ( ไขมันชนิดเลว ), อาหารและขนมที่ใส่น้ำตาลขาว / ขัดสี หรือน้ำตาลเชิงเดี่ยว
3. ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้มากขึ้น อย่างน้อย 8 แก้ว ( ประมาณ 2 ลิตร / วัน )
4. แบ่งซอยมื้ออาหารย่อยๆ เป็น 5-6 มื้อ / วัน โดยแบ่งเปอร์เซนต์ดังนี้ [ คาร์โบไฮเดรต 40-45%, โปรตีน 35-40%, ไขมัน 20% ]
5. เริ่มออกกำลังกายแบบ 'เวทเทรนนิ่ง' เบาๆ ( 3-4 ครั้ง / สัปดาห์ ถ้าอยากลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน )
6. เพิ่มกิจกรรมเต้นแอโรบิก 20-30 นาที 3-4 ครั้ง / สัปดาห์ ในโปรแกรมการออกกำลังกาย
7. อดทนไว้! การกำจัดไขมันอย่างยั่งยืนต้องใช้เวลา ถ้าไม่อยากให้กล้ามเนื้อสลายไป เธออาจกำจัดไขมันได้สูงสุดแค่ 1 กิโลกรัม / สัปดาห์เท่านั้น แต่แม้จะน้อยก็ยั่งยืนนะเออ!
แค่ทำตาม 7 ข้อนี้ เธอก็ได้หุ่นสวยสุขภาพดีสมใจ ไม่กลับมาโยโย่เอฟเฟกต์แล้วล่ะค่ะ ^0^
=========================
ยังคงย้ำคำเดิมว่า การอดอาหารไม่ได้ช่วยให้ผอมแต่อย่างใด กลับกันจะยิ่งทำให้ตบะแตก กินแหลกจนอ้วนกว่าเดิม - - ถ้าเธอกำลังจะลดน้ำหนัก อย่าทำตามความเชื่อผิดๆ ที่ว่า 'ยิ่งกินน้อยลงเท่าไหร่ ก็ยิ่งผอมมากขึ้นเท่านั้น'
แทนที่จะโฟกัสน้ำหนัก เธอควรสนใจในเรื่องการกำจัดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อด้วยวิธีควบคุมอาหารดีๆ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ออกกำลังกายเป็นประจำไม่ต้องหักโหมเกินไป นี่แหละคือหนทางสู่ความผอมที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
หุ่นสวย ผอมเพรียวอย่างฝันไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง แค่มีวินัย ความสม่ำเสมอควบคู่กับความอดทน เธอก็บรรลุเป้าหมายได้ไม่ยากค่ะ เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ นะคะ ^_^
=========================
Cr. The Common Dieters' Mistake: Thinking That Eating Less Is Better! [ bodybuilding ]
http://www.bodybuilding.com/fun/hugo15.htm
บทความที่เกี่ยวข้อง
6 เหตุผลที่ ห้ามอดอาหาร เมื่อเผลอ "กินแหลก" (;ω;)
https://sistacafe.com/summaries/4274
10 เทคนิค ลดความอ้วน แบบ ไม่ต้องอดอาหาร
https://sistacafe.com/summaries/2121
7 สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อลดความอ้วนด้วยการ 'อดอาหาร' Σ(゜ロ゜;)
https://sistacafe.com/summaries/1315