“ หยุดก่อนหน้าพัง ”การทำความสะอาดบนร่างกายไม่เพียงแค่การอาบน้ำสระผม หรือแปรงฟันเท่านั้น ยังมีการล้างหน้าเข้ามาด้วย ซึ่งการล้างหน้าถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง sensitive มากๆ เพราะถ้าล้างไม่สะอาดก็ทำให้สิ่งสกปรกตกค้างบนใบหน้าจนก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ให้ว้าวุ่นใจกัน โดยเฉพาะปัญหาสิว ซึ่งการล้างหน้านั้นไม่ได้มีเพียงแค่เอาน้ำล้างปกติเท่านั้น เพราะเมื่อมีการแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงอย่างกันแดดเพิ่มเข้ามาแล้ว การล้างหน้าต้องมีความพิถีพิถันและขั้นตอนเพิ่มมากยิ่งขึ้นซึ่งบางคนอาจจะได้รับคำแนะนำมากมายสำหรับการล้างหน้าที่ถูกวิธีตามปากต่อปากหรือบิ้วตี้บล็อกเกอร์หลายๆ คน แต่ก็ยังคงมีขั้นตอนหรือพฤติกรรมที่เราอาจมองข้ามไป จนทำให้ปัญหาของผิวหน้านั้นยังคงวนเป็นวงกลมอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นแล้วเรามาดูล้างหน้าผิดวิธี7 พฤติกรรมผิดๆ เกี่ยวกับการล้างหน้า เพื่อรีบปรับเปลี่ยนให้ผิวหน้าดีขึ้นกัน

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

ล้างหน้าผิดวิธี อยู่หรือเปล่า!? 7 พฤติกรรมที่ผิดๆ ไม่ควรทำในการล้างหน้า

ล้างหน้าผิดวิธี ที่ 1 ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวหน้า

รูปภาพ:

บางคนอาจจะคิดว่าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนก็ได้กับผิวหน้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้านั้นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของเรานั้นไม่สะอาดหมดจด และสามารถเกิดสิ่งสกปรกตกค้างสะสมบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะคลีนเซอร์ลบเครื่องสำอางที่หากเลือกใช้คลีนเซอร์ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า แถมประสิทธิภาพที่ไม่ทั่วถึงอาจจะทำให้เราเกิดการแพ้และเกิดการระคายเคืองได้ จนเกิดเป็นผดผื่นเม็ดเล็กๆ ตามมา และที่สำคัญต้องออกแรงเช็ดจนเกินไปทำให้เกิดรอยแดงบนใบหน้า ซึ่งเป็นการทำให้น้ำมันธรรมชาติบนผิวรวมถึงเซลล์ผิวต่างๆ หลุดออกมากเกินไปในทางที่ดีแล้วควรเช็กสภาพผิวหน้า หรือสังเกตผิวหน้าของเราก่อนว่าเป็นสภาพผิวแบบไหน อย่างเช่น ผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสมซึ่งวิธีเช็กง่ายๆ คือหลังล้างหน้าเสร็จปล่อยหน้าทิ้งไว้โดยไม่ทาสกินแคร์ใดๆ แล้วสังเกตต่อจากนี้ว่าหน้าของเราเกิดอะไรขึ้นมีความมันขึ้นหรือแห้งไหมนั่นเองเพื่อที่จะนำมาเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้าอย่างพอดี และไม่หยาบกระด้างหรือรุนแรงกับผิวมากเกินไปอีกด้วย

วิธีล้างหน้าแบบผิดๆ ที่ 2 ล้างหน้ามากเกินไปต่อวัน

รูปภาพ:

การล้างหน้ามากๆ ในหนึ่งวันเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการล้างหน้าบ่อยๆ นั้นจะเป็นการทำลายผิวหน้าให้เกิดการระคายเคืองและทำให้หน้ามีการผลิตความมันที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนและรูขุมขนอุดตันนั่นเอง ยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย อาจจะมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความชุ่มชื้น เพราะการดึงเอาน้ำมันที่สำคัญออกจากผิวจนเป็นการทำลายเกราะป้องกันผิวของเรา ซึ่งนำไปสู่อาการทางผิวหนังที่ไม่สบายได้ เช่น คัน และผิวลอกเป็นขุยเป็นต้นซึ่งการล้างหน้าที่ถูกวิธีเพื่อให้ผิวหน้ากระจ่างใสนั้นแนะนำควรล้างวันละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ยิ่งถ้าวันไหนที่เราไม่แต่งหน้าหรือไม่ลงครีมกันแดดด้วยนั้นยิ่งดีใหญ่ เพราะวันนั้นผิวหน้าของเราจะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ สามารถข้ามขั้นตอนการคลีนซิ่งหรือดับเบิ้ลคลีนซิ่งได้ เป็นการลดการทำร้ายผิวได้ทันที ซึ่งเหลือแค่ขั้นตอนการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหรือการล้างด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าปกติของเราได้เลย

พฤติกรรมไม่ควรทำในการล้างหน้า ที่ 3 ใช้อุณหภูมิน้ำที่สูงล้างหน้า

รูปภาพ:

บางคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูมาว่าน้ำอุ่นจะช่วยเปิดขยายรูขุมขนบนใบหน้า และน้ำเย็นจะช่วยปิดรูขุมขนกว้างของเราให้เล็กลง จนทำให้บางคนมีพฤติกรรมที่นำน้ำเย็นมาล้างหน้าเป็นประจำ แต่ทว่านั้นก็เป็นความเชื่อที่ไม่จริงเพราะในความเป็นจริงแล้วรูขุมขนบนใบหน้านั้นไม่มีกล้ามเนื้อที่สามารถเปิดขยายหรือหดตัวลงเองได้ แต่ในความเป็นจริงน้ำที่มีอุณหภูมิสูงสามารถส่งผลเสียมากกว่าผลดี จากการศึกษาพบว่าน้ำร้อนจะทำร้ายผิวมากกว่าน้ำเย็น และสามารถทำลายเกราะป้องกันผิวของเราได้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือน้ำร้อนดีกว่ากัน?แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิที่พอเหมาะหรือน้ำอุณหภูมิห้อง เพราะการรักษาอุณหภูมิของน้ำให้ต่ำลงสามารถช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวของคุณให้สมบูรณ์ และช่วยป้องกันความแห้งกร้านหลังการล้างหน้าได้ อีกทั้งเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนและไม่เกิดการระคายเคืองใดๆ เกิดขึ้น

พฤติกรรมล้างหน้าผิดวิธี ที่ 4 ขัดผิวหน้ามากเกินไป

รูปภาพ:

การใช้สครับหรือการขัดผิวหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ถ้าทำอย่างพอดีก็ส่งผลดี แต่ถ้าขาดบ่อยเกินไปและขัดด้วยความแรงในแต่ละครั้งอาจทำให้ใบหน้าเกิดรอยแดงและเกิดความหยาบกร้านมากกว่าเดิมได้ ซึ่งการขัดผิวหน้าเพื่อให้ต่อเนื่องและเป็นประจำควรทำแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งการเลือกสครับผิวหน้านั้นควรเลือกใช้เม็ดบีทหยาบๆ อย่างเช่น สครับน้ำตาลที่มาจากธรรมชาติ และสครับที่มีความเป็นกรดของผลไม้ เพราะมันจะให้ความอ่อนโยนต่อผิวหน้ามากเป็นพิเศษ ซึ่งผิวหน้านั้นก็จะมีความสดใสและมีความเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งไม่เกิดการระคายเคืองและเกิดการแพ้ตามมาอีกด้วย

การล้างหน้าผิดวิธี ที่ 5 ล้างหน้าไม่สะอาดเพียงพอ

รูปภาพ:

แม้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะดีหรือและเหมาะสมกับผิวหน้าของเรามากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ล้างหน้าให้สะอาดเพียงพอโดยอาจมาจากการใช้น้ำเกินไปในการล้างหน้า หรือเร่งการล้างหน้าในแต่ละครั้งที่ปกติควรล้างหน้ามากถึง 30-60 วิ ก็สามารถนำไปสู่การสะสมเชื้อโรค แบคทีเรีย และฝุ่นละอองตกค้างบนใบหน้าได้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวและรูขุมขนอุดตันที่ทำให้เกิดเป็นสิวเสี้ยน และบางคนนั้นหลังจากการล้างหน้าเสร็จผิวหน้ายังแห้งลอกเป็นขุย ซึ่งนั้นมาจากผิวหน้าของเราไม่ได้รับความชุ่มชื่นจากน้ำเต็มที่ยิ่งหากเราใส่ใจกับการล้างหน้าโดยเฉพาะตอนกลางคืนหลังจากพี่ผ่านมลภาวะหรือสิ่งสกปรกต่างๆ จากภายนอกมาทั้งวันบวกกับที่เราแต่งหน้า การใส่ใจในการล้างหน้าก็เพื่อทำให้ใบหน้าของเรานั้นลดการเกิดสิวเม็ดเล็กเม็ดน้อย หรือผดผื่นต่างๆ ที่อาจจะปรากฏให้เห็นในตอนเช้าได้

ข้อไม่ควรทำในการล้างหน้า ที่ 6 การใช้ผ้าเช็ดตัวนำมาเช็ดหน้า

รูปภาพ:

หลังล้างหน้าเสร็จเราก็อยากให้หน้าแห้งเร็วๆ จึงนำผ้าขนหนูมาเช็ดถู หรือเช็ดหน้าแรงๆ ซึ่งนั่นเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายใบหน้าของเรามากๆ อย่างที่เราไม่รู้ตัว เพราะผ้านั้นได้มีการไปเสียดสีกับผิวหน้าทำให้เกิดรอยแดงและแสบเคืองตาตามมา โดยหากใครที่ชื่นชอบการเช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนูนั้น ควรเลือกผ้าเช็ดหน้านุ่มๆ มาเพื่อนำมาซับเบาๆให้แห้งก็เพียงพอ เพื่อถนอมใบหน้าของเราซึ่งหากที่ดีนั้นการแยกผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดหน้า ซึ่งไม่ใช้ร่วมกันกับผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี อีกวิธีที่แนะนำควรหมั่นเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าบ่อยๆ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยป้องกันในการแพร่เชื้อโรคและแบคทีเรียในผ้าขนหนูซึ่งเป็นแหล่งอันตรายสำหรับใบหน้าไร้สิวนั่นเอง

การล้างหน้าแบบผิดวิธีที่ 7 กลัวความมันบนใบหน้า

รูปภาพ:

ความมันบนใบหน้านั้นเป็นสาเหตุของรูขุมขนขยายกว้างแล้วทำให้ความมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้น นั้นเป็นสาเหตุของรูขุมขนขยายกว้างและทำให้ผิวอุดตันจนไม่อยากให้ความมันมาอยู่บนใบหน้า นี่เป็นความเชื่อที่หลายคนเชื่อกันต่อๆ มา ยิ่งเวลาหน้ามันเยอะขึ้น ทำให้เราต้องคอยหมั่นเช็ดออกบ่อยๆ ส่งผลให้ใบหน้าเป็นรอยแดงและแสบระคายเคืองผิว

ซึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าและไม่ทำร้ายผิวของเราด้วยคือการใช้น้ำมันจากคลีนซิ่งออยล์ เพราะไม่ว่าจะสภาพผิวแบบไหนไม่ว่าจะผิวแห้งหรือผิวหน้าที่มันเยิ้ม น้ำมันจากคลีนซิ่งจะช่วยละลายเจือจางความมันบนใบหน้า ทำความสะอาดล้ำลึกที่สะสมสิ่งสกปรก และแบคทีเรียตกค้าง รวมทั้งช่วยบาลานซ์ผิวหน้าให้สมดุลเรียบเนียนสวยได้

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

เลือกโฟมล้างหน้าอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพผิว

สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยคือต้องอ่านฉลากหรือรายละเอียดอย่างระมัดระวังเมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า บนบรรจุภัณฑ์ควรบอกว่าสูตรนี้มีการออกแบบมาสำหรับใช้กับผิวหน้าผิวกายหรือทั้งสองอย่าง ฉลากควรบอกด้วยว่าสูตรนี้นั้นเหมาะสมสำหรับผิวหน้าประเภทใดและส่วนผสมใดที่อาจช่วยให้ลดปัญหาผิวเฉพาะนั้นได้อย่างเช่น หากมีผิวที่แห้งอาจจะต้องเลือกสูตรที่อ่อนโยนและไม่มีฟอง โดยเป็นการเน้นระดับความชุ่มชื้น เพื่อทำความสะอาดและฟื้นบำรุงผิวโดยไม่ล้างความมันมากเกินไปจนสูญเสียความชุ่มชื้น แต่หากมีผิวมัน ควรเลือกสูตรที่มีโฟมเพื่อการล้างหน้าที่มีประสิทธิภาพอย่างล้ำลึกขจัดความมันส่วนเกิน เพื่อให้ผิวนั้นไม่โดนทำลายเกราะป้องกันผิวนั่นเอง

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ7 พฤติกรรมการล้างหน้าผิดวิธีสำหรับการล้างหน้า ใครที่ยังทำอยู่ 1 ใน 7 ข้อนี้ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการล้างหน้าใหม่อย่างเร่งด่วนเพื่อสุขภาพผิวหน้าของเราในอนาคต หากยังคงทำพฤติกรรมเช่นนี้อยู่อาจทำให้ผิวหน้านั้นประสบปัญหาหลายๆ อย่างเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะผิวหน้าที่ไม่มีความชุ่มชื้น เพราะสามารถเป็นตัวการในการเกิดสิวขึ้นได้ ฉะนั้นแล้วพยายามปรับเปลี่ยนกันไปให้ชินมือกันนะคะซิส

บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด