#ถ้าไม่รู้ก็คงดันทุรังต่อไป! 7 ' บทเรียนชีวิต ' ที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ จนเกิดจุดเปลี่ยน เกือบสายเกินจะแก้ไข
ถ้าชีวิตเหมือนหนังสือเรียนเล่มหนึ่ง บางบทเรียนทำยังไงก็ไม่รู้เรื่องสักที จนกระทั่งได้พลิกไปอ่านจังๆ จนชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือนั่นแหละ ถึงได้เข้าใจว่า " 'อ๋อ ชีวิตมันก็แบบนี้เองสินะ "
เผยแพร่: 29 ม.ค. 2564 09:00 น.
Views: 3,275
รหัสบทความ: 81525
สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่กำลังใช้ชีวิตในแบบของตัวเองทุกคน❤เส้นทางชีวิตของมนุษย์ แม้ส่วนใหญ่จะมีเวลาจำกัดไม่เกินร้อยปี จะว่าสั้นก็สั้น แต่การลองผิดลองถูกบางอย่าง ก็ ' จำเป็น ' ต้องใช้เวลาแต่ละช่วงวัยนานหลายปีเพื่อเข้าใจ เรียนรู้และเติบโตเรื่องที่เคยมืดแปดด้านหรือสับสนในวัยเด็ก เพื่อไปสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวโดยไม่มีทางลัดเป็นวิถีที่ทุกคนต้องเจอ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หลายคนผ่านไปได้ชิลล์ๆ เพราะมีกำลังใจที่ดี หลายคนเจ็บหนักกว่าจะลุกได้ แต่สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ รวมถึงหลายคนอาจเจ็บจนลุกไม่ได้และยอมแพ้ไปเลย จะเรียกว่าเป็น' บทเรียนชีวิต ' ก็คงไม่ผิดนักไม่ว่าตอนนี้สาวๆ จะเป็นวัยรุ่น, เพิ่งเรียนจบกำลังหางาน หรือทำงานมาแล้วหลายปี บทความนี้อาจช่วยเตือนสติสิ่งที่เธอกำลังลังเล หรือเน้นย้ำสิ่งที่เข้าใจอยู่แล้วให้ตกตะกอนมากขึ้น เพราะนี่คือสัจธรรมและความจริงของชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้มาก้าวผ่านไปพร้อมๆ กันกับ' 7 บทเรียนชีวิตที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจจนกว่าจะเกิดจุดเปลี่ยน เกือบสายเกินแก้ไข 'ไปอ่านกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง
1. เธอทำให้ ' ทุกคนบนโลก ' พอใจไม่ได้หรอก แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม
เป็นเรื่องน่าเสียใจเนอะ ธรรมชาติของมนุษย์น่ะ หยิบยื่นความรักให้ใครไป ก็หวังจะได้ความรักความปรารถนาดีกลับมาทั้งนั้น ใครจะอยากให้คนอื่นเกลียดเราล่ะ? แต่ความจริงที่ต้องยอมรับให้ได้คือ" ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่มีทางที่ทุกคนบนโลกจะรักเราหรอก "
คนที่เขาจะรัก อยู่เฉยๆ เขาก็รัก ผิดพลาดเขาก็ให้อภัย ในทางกลับกัน บางคนเรามอบทั้งเงิน แรงกาย หัวใจ ความรู้สึกไปมากขนาดไหน เขาก็ตั้งแง่รังเกียจ นินทา ไม่พอใจสักที แม้เราตายไปแล้วเขาก็ไม่คิดจะหันกลับมามอง แต่หาเหยื่อรายใหม่แทน #เจ็บอะ
เพราะฉะนั้นสาวๆ อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าไปเอาใจคนทั้งโลก โดยเฉพาะ haters ทั้งแบบเห็นหน้าและคอมเมนต์แย่ๆ ในโลกออนไลน์ที่จงเกลียดจงชัง อคติกับเราแบบไม่มีเหตุผล มันเปล่าประโยชน์!
สู้เอาเวลาบนโลกใบนี้ที่มีจำกัดไปใช้ประโยชน์กับ ' กลุ่มคนที่รักและหวังดีต่อเรา ' อย่างพ่อแม่ เพื่อนสนิท แฟน ให้คุ้มค่าทุกวินาทีดีกว่า ดีต่อใจกว่ากันเยอะ (´。• ω •。`) ♡
2. ความผิดพลาด ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ 100% แต่เมื่อเกิดแล้ว มีประโยชน์เสมอ
คงไม่มีใครที่อยากใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรค เจออะไรก็สะดุดตอ จะลงมือทำอะไรก็มีปัญหาไปซะทุกเรื่อง โดยเฉพาะสาวๆ ชาว perfectionist ที่พยายามให้ทางเดินชีวิตโปรยด้วยกลีบกุหลาบ
แต่ชีวิตจริงไม่ว่าจะสวย รวย ฉลาดมาจากไหน ในชีวิตก็ต้องมีเรื่องที่ตัดสินใจผิดพลาด หรือความโชคร้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กันแทบทุกคน เช่น บ้านเป็นหนี้ล้มละลาย, ครอบครัวไม่อบอุ่น, เลือกเส้นทางเรียนผิด, เลิกกับแฟนที่รักและทุ่มให้ทั้งหัวใจ เป็นต้น
แม้ในที่สุดแล้วเรื่องพวกนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่ก็ไม่อยากให้ตีอกชกหัว โทษว่าเป็นความผิดคนนั้นคนนี้ หรือเอาแต่โทษตัวเองโดยไม่ยอมมูฟออนไปไหน เพราะจุดตำหนิที่มาอยู่ในชีวิตเรา ก็คือบทเรียนล้ำค่าที่ทำให้เติบโตและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
จำไว้นะคะ what doesn't kill you makes you stronger อะไรที่ฆ่าเธอไม่ได้ มันจะยิ่งทำให้เธอแข็งแกร่งมากขึ้น อย่าย่อท้อ ต้องสู้เท่านั้นถึงจะชนะ!
3. ความรักไม่ได้ใช้แค่ ' พรหมลิขิต ' อย่างเดียว ต้องพยายามด้วย
อาจจะด้วยมายาคติ หรือการปลูกฝังจากทั้งหนังสือนิทาน ซีรีส์โรแมนติกฝันหวาน พรหมลิขิตบันดาลชักพาให้พระนางมาเจอกันในคืนฝนตก เดินชนกันแล้วตกหลุมรักใน 3 วินาที ผ่านอุปสรรคทุกอย่างอย่างง่ายดาย มีตอนจบแบบ happy ending
ทำให้หลายคนเชื่อว่าอยู่เฉยๆ แฟนสุดเพอร์เฟกต์จะเข้ามาหาเอง จะไม่ไขว่คว้าค้นหาอะไรทั้งนั้น สุดท้ายอายุขึ้นหลักสามหลักสี่ก็ยังไร้วี่แววมีคู่ หรือบางคนมีแฟนแต่ไม่ยอมรับฟัง ไม่ปรับตัวใดๆ เลย เพราะคิดว่าถ้าเป็นรักแท้ไม่จำเป็นต้องพยายาม สุดท้ายก็จบด้วยการเลิกรา #จะสมน้ำหน้าก็เกรงใจ...
ความรักในชีวิตจริงไม่จำเป็นต้องทุ่มเท ไขว่คว้าจนเหนื่อยก็จริง แต่ก็ต้องเจอกันครึ่งทาง พรหมลิขิตจะทำงานยังไงถ้าเธอมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ออกไปเจอใคร มีแต่บ้านกับที่ทำงาน เธอก็ต้องให้โอกาสตัวเองออกไปเจอผู้คนใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน และถ้าจับพลัดจับผลูมีแฟนขึ้นมา ก็ต้องจำไว้เสมอว่าสองคนจากต่างที่มา ไม่มีทางจะคลิกกันได้ 100% หรอก
ถ้าปรับบางอย่างได้โดยไม่เสียตัวตนมากเกินไป ก็ทำไปเถอะ มันไม่มีความรักที่เข้าล็อกพอดีเหมือนจิ๊กซอว์หรอก บางคู่อยู่กันจนแก่เฒ่ายังต้องปรับกันอยู่เลย ดังนั้นอย่ากลัวรักที่มีเรื่องกระทบกระทั่งบ้าง เพราะเป็นเรื่องปกติ ควรกลัวรักที่ทุกอย่างดูดีเกินจะเป็นจริงดีกว่า อาจมีคลื่นใต้น้ำซ่อนอยู่ก็เป็นได้...
4. เมื่ออายุมากขึ้น จะรู้ว่า ' สุขภาพ ' ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และอาจถึงแก่ชีวิตได้เลย
ตอนอายุยังน้อย สาวๆ หลายคนก็แทบไม่มีประเด็นเรื่อง ' สุขภาพ ' อยู่ในหัวเลย ไม่สนใจการตรวจสุขภาพประจำปี ใช้ชีวิตเต็มที่ กินบุฟเฟ่ต์แหลกลานจนท้องอืด แน่นกระเพาะบ่อยๆ ดื่มแอลกอฮอล์อดนอน ไม่ออกกำลังกาย เพราะคิดว่าร่างกายยังเผาผลาญดี เซลล์ยังใหม่ ทำอะไรก็ได้ไม่เป็นไรหรอก
ซึ่งก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ พฤติกรรมบางอย่างยังพอทำได้ตอนเป็นวัยรุ่นก็จริง แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายเสื่อมลง กรรมจะเริ่มตามทันทีละนิดค่ะ!
ไม่ว่าจะโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน มากันรัวๆ เป็นแพ็กเกจ จะเดินเหิน วิ่ง ก็ไม่คล่องตัวเหมือนแต่ก่อน บางคนที่มีโรคประจำตัวแฝง ก็อาจอาการกำเริบจนถึงชีวิตได้ในอายุเพียงหลักยี่สิบ สามสิบต้นๆ ก็มีให้เห็นทั่วไป เพราะละเลยตัวเองแบบสุดๆ
ดังนั้นถ้ายังอยากมีอายุยืนยาว ( หรืออย่างน้อยก็แก่แบบไม่เจ็บออดๆ แอดๆ ) ก็ควรรักษาสุขภาพตั้งแต่วันนี้ กินอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย และอย่าเครียด! เท่านี้ก็ช่วยยืดอายุให้ตัวเองแบบไม่ต้องพึ่งหมอให้เสียเงินแล้วล่ะค่ะ
5. การยอมรับตัวเองให้ได้ เป็นสิ่งจำเป็นมาก ถ้าอยากมีความสุข
สำหรับบางคนที่มีพื้นฐานครอบครัวและการศึกษาที่ดีอยู่แล้ว ' การรักและยอมรับตัวเอง ' ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับบางครอบครัวก็ไม่ได้ปลูกฝังมาแบบนั้น ในทางตรงกันข้าม กลับเลี้ยงดูให้เด็กรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ด้อยค่า เปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่า ประสบความสำเร็จกว่าอยู่ตลอดเวลา
ก็ยากมากที่จะรู้ว่าข้อดีของตัวเองคืออะไร จะรักตัวเองได้ยังไง จนส่งผลกับสุขภาพจิตจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่เลยก็มีให้เห็นมากมาย
การที่เธอโตมาอย่างขาดๆ เกินๆ ชีวิตเคว้งคว้าง รักตัวเองไม่เป็นนั้นไม่ใช่เรื่องผิด เธอไม่ได้เลือกเกิดมาเป็นแบบนี้ แม้แต่สภาวะทางจิตที่แย่ที่สุด ก็ย่อมมีเหตุและผลแอบซ่อนอยู่ข้างหลังเสมอ แต่ถ้าอยากมีความสุขอย่างยั่งยืน การรักตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าตัวเองยัง ' พัง ' ก็คงไม่สามารถมีความสุขหรือมอบความรักให้ใครได้
หากซ่อมตัวเองไม่ไหว ลองหันไปหาเพื่อนสนิท ครูอาจารย์ นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ดู ค่อยๆ ปรับแก้กันไป เราเชื่อว่าถ้าไม่ท้อถอยที่จะมีความสุข เธอก็จะได้รับความสุขนั้นในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน
6. สนุกกับเส้นทางในชีวิตเถอะ บางอย่างมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว
อย่างที่บอกไปในข้อแรกๆ แล้วว่า " ชีวิตมันสั้น " และมันเป็นเส้นทางแบบ one way trip จากเด็กโตเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ วัยกลางคน วัยชรา เธอไม่สามารถเลี้ยวกลับจากวัยชรามาเป็นผู้ใหญ่ หรือจากเด็กข้ามไปเป็นคนแก่ทันทีได้
เพราะธรรมชาติสร้างมาให้เราใช้ชีวิตไปในแต่ละขั้นตอนแบบนี้ และที่อาจจะดูน่าใจหายคือ เรารู้จุดเริ่มต้น ( วันที่เกิดมา ) แต่เราไม่รู้ว่าเดินๆ ไปปลายทางจะหยุดอยู่ตรงไหน อาจเป็นอีกหลายสิบปีข้างหน้า หรืออาจเป็นวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีทางรู้ได้เลย...
ดังนั้นจงดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาที่เข้ามา โดยเฉพาะโมเมนต์ความประทับใจที่มีแค่ครั้งเดียวในชีวิต เช่น งานแต่งงาน งานรับปริญญา งานวันเกิด เพราะมันจะไม่มีวันหวนคืนกลับมาได้อีก หากต้องการหลักฐานไว้เตือนใจ ' รูปถ่าย ' และ ' คลิปวิดีโอ ' ก็เป็นทางเลือกที่ดี
หากชะล่าใจคิดว่าทุกคนจะอยู่กับเราไปตลอดกาล แล้ววันนึงเขาคนนั้นจากไป แต่ไม่เคยสร้างความทรงจำดีๆ หรือถ่ายรูปรวมกันไว้เลย ถึงตอนนั้นจะร้องไห้หนักแค่ไหนก็ปลุกให้เขาฟื้นขึ้นมาไม่ได้อีก หรือถ้ายังอยู่ในวัยสาว วัยรุ่น ก็ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เพราะเราเป็นเด็กได้แค่หนเดียวเท่านั้นค่ะ
7. เงินไม่ได้แก้ได้ทุกปัญหา แต่ก็ ' เกือบ ' ทุกปัญหา
มักจะมีคนพร่ำบอกเราในวัยเด็กอยู่เสมอ ทั้งหนังศีลธรรม การ์ตูน หรือนิทานสอนใจที่มีข้อคิดตอนท้ายว่า " เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง / เงินสร้างความสุขไม่ได้ " แต่ในยุคสมัยใหม่ ปี 2021 แบบนี้
ถ้าว่ากันแบบโลกไม่สวย แม้เงินจะซื้อชีวิตที่ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ซื้อใจให้คนมารักไม่ได้ แต่นอกเหนือจากนั้นทั้งความสะดวกสบาย โอกาส ความรวดเร็ว การกินอิ่มนอนหลับ ปลอดภัย ไม่มีโรค ก็คงไม่ได้เสกได้จากอากาศ ก็ต้องใช้เงินเนรมิตสิ่งเหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น!
ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ หากเธอกำลังป่วยหนักหรือมีอุบัติเหตุฉุกเฉิน ถ้าไปโรงพยาบาลอนาถา ไม่ต้องเสียเงินแพงก็จริงแต่ต้องรอคิวเป็นร้อยๆ คน ซึ่งโรคบางอย่างมันรอนานขนาดนั้นไม่ได้ อาจจะตายระหว่างรอซะก่อน ในขณะที่เพิ่มเงินไปโรงพยาบาลเอกชน หมอและพยาบาลพร้อมเข้าชาร์จ อุปกรณ์ครบกว่า กลับมาอาการดีขึ้นได้ในไม่กี่ชั่วโมง เห็นความแตกต่างนี้ไหม?
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเงินก็ซื้อชีวิตได้ส่วนนึงเหมือนกัน! ดังนั้นไม่ผิดเลยที่จะอยากมีเงินเยอะๆ เพื่อประสบความสำเร็จ ขอให้อย่าไปเบียดเบียนใคร และชีวิตส่วนตัวด้านอื่นๆ จัดการได้ดี มี work life balance ที่สมดุลก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ ^ ^
-----------------------------------------
ถ้าชีวิตง่าย เป๊ะทุกข้อเหมือนหลักการในตำราเรียน ทุกคนบนโลกเป็นมิตรพร้อมทำดีกับเรา ไม่ต้องมีกฎหมายเพราะทุกคนยึดถือศีลธรรมกันหมด เหมือนนิทานที่เคยอ่านในวัยเด็กก็คงดี แต่ความจริงไม่ได้ง่ายอย่างนั้น! แม้แต่สิ่งที่ดูจะเที่ยงตรงตามตรรกะที่สุด ก็อาจใช้กับเหตุการณ์ของคนจริงๆ ในบางเงื่อนไขไม่ได้ เพราะชีวิตของผู้ใหญ่ไม่ได้แยกเป็นสีขาวกับสีดำอย่างชัดเจน แต่เป็นสีเทาจางๆ ที่มีความผสมผสานของประสบการณ์ในหลายมิติค่ะแต่ละคนอาจเข้าใจได้ไม่เท่ากัน ผู้ใหญ่บางคนไร้เดียงสาเพราะไม่เคยเจอเรื่องร้ายใดๆ เลย แต่เด็กบางคนกลับเจนโลก เข้าใจสังคมมากกว่าคนชราเสียอีก ขึ้นอยู่กับบทเรียนที่ได้รับล้วนๆ ยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งดี จะได้ตั้งหลักรับมือได้ทัน บางอย่างไม่จำเป็นต้องเจอเอง แต่เรียนรู้จากคนรอบตัวก็ได้ เพื่อจะเข้าใจโลกและใช้ชีวิตอย่างระวัง ประสบความสำเร็จในแบบของตัวเองได้แบบเจอขวากหนามน้อยที่สุด ขอให้สาวซิสทุกคนเรียนรู้ชีวิต และเติบโตขึ้นมาอย่างดีทุกคนนะคะ เราเป็นกำลังใจให้เสมอ
(◕‿◕)♡