เบรกเอี๊ยดเดี๋ยวนี้เลยนะสาวๆ! มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ทุกอย่างมีผลดีและผลเสีย น้ำอัดลมไม่มีแคลอรี่อาจมีพลังงานน้อยกว่าแบบปกติ ไม่ทำให้อ้วนขึ้น ระงับความอยากของหวานได้ชั่วครั้งชั่วคราวก็จริง แต่น้ำอัดลมแบบนี้ใช้สารให้ความหวานอย่าง แอสปาแตม แซคคาริน และซูคราโลสที่มีผลข้างเคียงมากมาย อ่านจบบทความนี้เธออาจเลิกดื่มน้ำอัดลม (ไม่ว่าจะชนิดไหน) เลยก็ได้นะเออ!
ทางเลือกแรกที่สาวๆ คิดถึงคือ “น้ำอัดลมลดน้ำหนัก” หรือ “Diet Soda” ที่มีจุดขายเป็นคำว่า “ 0 แคลอรี” ไว้หน้ากระป๋อง ไม่มีแคลอรี่ ก็แปลว่าไม่มีพลังงาน! ดังนั้นจะกินเท่าไหร่ก็ได้น่ะสิ โอ้โห สวรรค์โปรดแล้ว!
1. ทำให้ระบบร่างกายรวน!

ยี่ห้อต่างๆ ของสารให้ความหวาน (Artificial Sweeteners) ซึ่งมี่ส่วนผสมของแอสปาแตม
สารให้ความหวานมีรสเข้มข้นกว่าน้ำตาลปกติ สินค้าอย่างน้ำอัดลมไดเอทเป็นการ “หลอกประสาทสัมผัส” ว่าเราได้รับน้ำตาลธรรมชาติอย่างที่มีในผลไม้ เจ้า ‘น้ำตาลเทียม’ พวกนี้ทำให้ระบบร่างกายรวน เพราะไปทำปฏิกิริยากับอินซูลิน ทำให้ร่างกายเกิดการสะสมไขมัน ทำให้น้ำหนักพุ่งทะยานหรือเรียกง่ายๆ ว่า “อ้วนขึ้น” นั่นเอง
2. ทำให้น้ำหนักขึ้น เพราะอยากอาหารมากขึ้น!

น้ำอัดลมไดเอทไม่มีแคลอรี่ แต่ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักหรอกนะ! มีงานวิจัยอ้างว่า คนที่ดื่มน้ำอัดลมประเภทนี้ทำให้เอวขยายขึ้นถึง 70% เทียบกับคนที่ไม่ดื่มเลย ยิ่งถ้าใครดื่ม 2-3 กระป๋องต่อวันก็ซัดไปถึง 500% หรือเอวขยายขึ้นห้าเท่าเลยทีเดียว!
3. แนวโน้มเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานประเภท 2!

การดื่มน้ำอัดลมไดเอทเพิ่มความเสี่ยงถึง 36% ในการมีภาวะ Metabolic Syndrome (ภาวะที่เกิดความผิดปกติหลายอย่าง รวมถึงความดันโลหิตสูง ระดับกลูโคสในเลือดสูงขึ้น ระดับคอเลสเตอรอลสูง และเส้นรอบเอวที่ใหญ่ขึ้น) พูดง่ายๆ คือเป็นภาวะของคนอ้วนที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจ ช็อคเฉียบพลัน และโรคเบาหวานค่ะ
4. ไม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย!

เมื่อเธอดื่มน้ำอัดลมไดเอท เธออาจไม่ได้รับแคลอรี่เข้าร่างกายก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้สารอาหารอะไรด้วยเหมือนกัน! เครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี่ที่ดีที่สุดคือ “น้ำเปล่า” เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยทำให้ระบบร่างกายราบรื่น มีน้ำอัดลมไปสูบฉีดเลือดแทนน้ำเปล่าจะทำให้ร่างกายเป็นอย่างไร ลองคิดดูสิ 0_0
แต่ถ้าเธอโหยอะไรซ่าๆ ให้ชื่นใจ ดื่มน้ำเปล่าอัดลม (Sparkling Water) แก้ขัดไปก่อนก็ได้ค่ะ
5. สารให้ความหวานในน้ำอัดลมทำให้ปวดหัว!

งานศึกษาวิจัยในแอสปาแตมและหลักฐานอื่นๆ อีกนิดหน่อยพบว่า สารให้ความหวานอาจทำให้บางคนเกิดอาการปวดหัวได้ มีคนไข้หลายคนที่ปวดหัวหนักถึงขั้นเป็นโรคไมเกรน และพวกเขาก็ฟันธงว่าเป็นเพราะเจ้าน้ำอัดลมไดเอทแน่นอน!
6. ทำให้ฟันสึกกร่อนเทียบเท่าการเสพโคเคนและยาบ้า!

การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปไม่ส่งผลดีต่อฟันสวยๆ ของเธอแน่นอน! มีการทดลองในวารสารทางทันตแพทย์ว่า งานวิจัยเปรียบเทียบช่องปากของผู้ใช้โคเคน , ผู้ใช้แอมเฟตามีน (ยาบ้านั่นแหละ!) และผู้ดื่มน้ำอัดลมไดเอทเป็นประจำ พบว่ามีระดับการสึกกร่อน ผุของฟันเหมือนกันเป๊ะ!
ตัวการคือ “กรดซิตริก” ซึ่งทำให้สารเคลือบฟันอ่อนแอ และทำลายให้เสียหายในที่สุด
(ไม่เหลืออะไรเลย แหลกสลายลงไปกับตา T_T)
7. หากนำไปผสมอะไร เครื่องดื่มนั้นก็อันตรายไปด้วย!

การใช้น้ำอัดลมไดเอทเป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่มค็อกเทล ทำให้เมาเร็วกว่าเครื่องดื่มผสมน้ำตาลปกติซึ่งอันตรายมาก จากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มค็อกเทลใส่น้ำอัดลมไดเอทจะมีลมหายใจปนแอลกอฮอล์แรงกว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มผสมน้ำตาลทั่วไป นักวิจัยเชื่อว่าเป็นเพราะกระแสเลือดในร่างกายดูดซึมสารการให้ความหวานเร็วกว่าน้ำตาลปกตินั่นเอง!
8. มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า!

การศึกษาครั้งก่อนๆ ในการประชุมสถาบันเกี่ยวกับโรคประสาทวิทยาพบว่า ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมไดเอท 4 ถ้วย/กระป๋องต่อวัน จะทำให้เป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นถึง 30% มากกว่าผู้ดื่มแบบน้ำตาลปกติ และผลจะยิ่งเพิ่มขึ้นถ้าเธอดื่มน้ำอัดลมชนิดนี้คู่กับน้ำพั้นช์ผลไม้!
แม้การวิจัยนี้จะสืบหาสาเหตุและผลลัพธ์เพิ่มเติมไม่ได้ แต่สมาพันธ์ก็ยอมรับและถือว่าผลการวิจัยนี้คุ้มค่าสุดๆ เลยล่ะค่ะ *-*b
9. ทำให้กระดูกเปราะ!

ผู้หญิงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว! แต่ยังมีผลวิจัยพบอีกว่าการดื่มน้ำอัดลม (โดยเฉพาะแบบไดเอท) ก่อให้เกิดปัญหา ผู้หญิงที่ดื่มน้ำอัดลมไดเอทจะมีความหนาแน่นมวลกระดูกสะโพกต่ำกว่าผู้หญิงปกติเกือบ 4% มีการควบคุมปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีของผู้เข้ารับการทดลอง กันความคลาดเคลื่อนแล้วด้วยนะ !
10. มีโอกาสเป็นโรคหัวใจ ช็อคเฉียบพลัน และหลอดเลือดตาย!

น้ำอัดลมที่ไม่มีแคลอรี่เพราะใส่สารให้ความหวานนั้นมีข้อเสียมากมาย ทั้งทำให้กระดูกเปราะ เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า โรคหัวใจ และยังทำให้อยากอาหาร ทำให้อ้วนเพิ่มขึ้นอีก! ไม่มีอะไรที่ดีร้อยเปอร์เซนต์หรอกนะเธอ เพราะอย่างไรแอสปาแตมก็เป็นสารเคมี ไม่ใช่ส่วนผสมจากธรรมชาติ สารเคมีต่างๆ มีผลข้างเคียงอยู่แล้ว จะเกิดผลกับร่างกายช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
การลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือ ควบคุมอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ไม่จำเป็นต้องกินอาหารพิศดาร ปรุงแต่งอะไรให้เลิศเลอ เพียงรู้จักเลือกชนิดอาหารเธอก็จะผอมเพรียวได้ง่ายๆ แล้วล่ะ ^______^
Comments