1. SistaCafe
  2. หน้าเป็นหลุม รักษายังไง พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้หน้าเป็นหลุม

สวัสดีค่ะชาวซิส ปัญหา หน้าเป็นหลุม หรือหลุมสิว เป็นปัญหากวนใจที่ทำให้เพื่อน ๆ หลายคนขาดความมั่นใจ ไม่กล้าเผยผิวหน้ากันใช่ไหมคะ แล้วเพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมคะว่าหน้าเป็นหลุมเกิดจากอะไร? วันนี้ CutenessCorner จะพามาไขข้อข้องใจถึงสาเหตุของหน้าเป็น พร้อมแนะนำวิธีรักษาและป้องกัน เพื่อให้เพื่อน ๆ กลับมามีผิวเรียบเนียนอีกคร้ังค่ะ


หน้าเป็นหลุม หรือ หลุมสิวมีกี่แบบ แล้วเราเป็นแบบไหนกันนะ?


หลุมสิว Rolling Scar

  • ความรุนแรง: ทั่วไป
  • ลักษณะ: หลุมตื้นๆ กว้าง ไม่ลึกมาก มักเกิดจากสิวอักเสบที่ไม่รุนแรงมากนัก
  • การรักษา: สามารถใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิกเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เลเซอร์หรือการผลัดผิวเพื่อช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น

หลุมสิว Box Scar

  • ความรุนแรง: ปานกลาง
  • ลักษณะ: หลุมกว้าง มีขอบชัดเจน ลึกประมาณ 3-5 มิลลิเมตร มักเกิดจากสิวอักเสบที่รุนแรงกว่าหลุมสิว Rolling Scar
  • การรักษา: การรักษาหลุมสิว Box Scar อาจต้องใช้การรักษาที่หลากหลาย เช่น การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มหลุมสิว การใช้เลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และการผ่าตัดเพื่อตัดพังผืดที่เกาะติดในชั้นหนังแท้

หลุมสิว Ice Pick Scar

  • ความรุนแรง: สูงสุด
  • ลักษณะ: หลุมลึก ปากแคบ เกิดจากการอักเสบของสิวที่รุนแรงที่สุด มักเกิดจากการกดหรือบีบสิวอุดตันจนสิวกินเนื้อไปจนถึงชั้นรูขุมขน
  • การรักษา: การรักษาหลุมสิว Ice Pick Scar เป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน อาจต้องใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน เช่น การผ่าตัดเพื่อตัดพังผืด การใช้เลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มหลุมสิว

หน้าเป็นหลุมเกิดจากอะไร?

  • สิวอักเสบรุนแรง สิวอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง และสิวซีสต์ สามารถทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงในชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินถูกทำลาย ผิวหนังบริเวณนั้นก็จะเกิดการยุบตัวลง ทำให้เกิดหลุมสิวบนใบหน้าค่ะ
  • การบีบหรือแกะสิว การบีบหรือแกะสิวจะยิ่งทำให้เกิดการอักเสบและการทำลายผิวหนังมากขึ้น นอกจากนี้ การบีบหรือแกะสิวยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะยิ่งทำให้การอักเสบรุนแรงมากขึ้นและอาจนำไปสู่การเกิดหลุมสิวได้


  • การผลิตน้ำมันส่วนเกิน การผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าสามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวได้ เมื่อสิวอักเสบและเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ก็อาจนำไปสู่การเกิดหลุมสิวตามมา
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่น การตั้งครรภ์ และวัยหมดประจำเดือน สามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าและทำให้เกิดสิวได้ เมื่อสิวอักเสบและเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ก็อาจนำไปสู่การเกิดหลุมสิวตามมาเล่นกันค่ะ
  • พันธุกรรม พันธุกรรมมีผลต่อการเกิดหลุมสิว บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดหลุมสิวได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ เนื่องจากมีผิวหนังที่บางหรือมีการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินที่น้อยกว่า

รวมวิธีแก้ปัญหาหน้าเป็นหลุมด้วยตัวเอง

  • ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการดูแลหน้าเป็นหลุม โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง และปราศจากสารระคายเคือง เช่น สบู่เหลวสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน
  • ผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนและลดเลือนรอยหลุมสิวได้ โดยสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA) หรือกรดซาลิไซลิก (BHA) ได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งค่ะ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ เรตินอยด์เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยและรอยหลุมสิว โดยจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มรอยหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์อย่างระมัดระวัง โดยเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อนแล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้น


  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก กรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิวหนัง มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีเยี่ยม โดยจะช่วยเติมเต็มร่องหลุมสิวให้ตื้นขึ้นและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้
  • ใช้แผ่นมาสก์หน้าที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ ควรใช้แผ่นมาสก์หน้าที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และชาเขียว จะช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดหลุมสิว นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังอีกด้วย
  • ป้องกันแสงแดด แสงแดดเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวเกิดความเสียหายได้ โดยจะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งจะยิ่งทำให้หลุมสิวดูชัดเจนขึ้น ดังนั้น จึงควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวจะช่วยบำรุงผิวจากภายใน โดยควรเน้นรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนที่เพียงพอ นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

รวมวิธีแก้ปัญหาหน้าเป็นหลุมด้วยหัตถการ

  • การเลเซอร์ (Laser) การเลเซอร์เป็นหัตถการที่ใช้พลังงานแสงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ใต้ผิวหนัง ช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น การเลเซอร์มีหลายประเภท เช่น

Fractional Laser: เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานเป็นจุดๆ ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่เฉพาะบริเวณที่ทำการรักษา เหมาะสำหรับหลุมสิวตื้นถึงปานกลาง

Ablative Laser: เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานลงไปในชั้นผิวหนังกำพร้าและหนังแท้ ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ทั้งชั้นผิว เหมาะสำหรับหลุมสิวลึกถึงรุนแรงค่ะ

  • การกรอผิว (Dermabrasion) การกรอผิวเป็นหัตถการที่ใช้เครื่องมือขัดผิวเพื่อขจัดชั้นผิวหนังชั้นบนออก ทำให้เกิดแผลและสะเก็ดแผล ซึ่งจะหลุดออกหลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ การกรอผิวเหมาะสำหรับหลุมสิวที่ลึกและกว้าง เนื่องจากสามารถขจัดชั้นผิวหนังที่เป็นหลุมสิวออกได้
  • การฉีดสารเติมเต็ม (Filler) การฉีดสารเติมเต็มเป็นหัตถการที่ใช้สารเติมเต็ม เช่น ไฮยาลูโรนิคแอซิด มาฉีดเติมเต็มหลุมสิวโดยตรง ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น สารเติมเต็มจะช่วยยกและพยุงผิวบริเวณหลุมสิวให้สูงขึ้น ทำให้หลุมสิวแลดูตื้นขึ้น การฉีดสารเติมเต็มเหมาะสำหรับหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก และสามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เช่น การเลเซอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวได้ค่ะ


  • การผ่าตัดพังผืด (Subcision) การผ่าตัดพังผืดเป็นหัตถการที่ใช้เข็มปลายแบนสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อตัดพังผืดที่ดึงรั้งหลุมสิวให้ลึกขึ้น ทำให้หลุมสิวดันขึ้นมาและตื้นขึ้น การผ่าตัดพังผืดเหมาะสำหรับหลุมสิวแบบกลม (Rolling scar)

เพื่อน ๆ ควรเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความลึกและความกว้างของหลุมสิว สภาพผิวของเรา และงบประมาณ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเราค่ะ

อย่างไรก็ตาม การรักษาหลุมสิวด้วยหัตถการอาจมีผลข้างเคียง เช่น รอยแดง รอยดำ อาการบวม หรือการติดเชื้อ จึงควรเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา


วิธีป้องกันการเกิดหน้าเป็นหลุม

  • รักษาสิวอย่างถูกวิธี การรักษาสิวอย่างถูกวิธีด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและการดูแลผิวเป็นอย่างดี จะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดหลุมสิวได้ เช่น การใช้ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์หรือซาลิไซลิกแอซิด การใช้ยาทารักษาสิวที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ การใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่สิวอักเสบรุนแรง และการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
  • หลีกเลี่ยงการบีบสิว การบีบสิวจะทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อผิวหนังมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดหลุมสิวได้ เนื่องจากการบีบสิวจะทำให้เกิดการฉีกขาดของผนังสิวและทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ของผิวหนังได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การบีบสิวยังทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้อีกด้วย
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองจะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดหลุมสิวได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารเคมีที่รุนแรงอื่น ๆ เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ค่ะ
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด แสงแดดจะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวหนังอ่อนแอและเกิดหลุมสิวได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จึงควรปกป้องผิวจากแสงแดดโดยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน และสวมเสื้อคลุมกันแดดเพิ่มด้วยค่ะ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชจะช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและลดการอักเสบได้ อาหารเหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ และมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินนั่นเอง

สรุป

และนี่ก็คือสาเหตุของ หน้าเป็นหลุม พร้อมวิธีรักษาและป้องกันที่ CutenessCorner นำมาฝากเพื่อน ๆ ในวันนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ หากใครมีปัญหาหน้าเป็นหลุมก็อย่าเพิ่งหมดหวัง ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้กันดู รับรองว่าผิวหน้าจะกลับมาเรียบเนียนอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน ไว้กลับมาพบกันใหม่ในบทความถัดไปที่ Sistacafe นะคะ บ๊ายบาย


บทความแนะนำที่ซิสไม่ควรพลาด







เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้