" อายครีม "สายสกินแคร์อย่างเรามีหรือจะพลาดเพราะฟาดมาหมดแล้วไม่ว่าจะโทนเนอร์ เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ สลีปปิ้งมาสก์ คือมีหมด จัดเต็มถึงไหนถึงกัน กว่าจะวนทาครบทุกขั้นตอนก็แทบจะไม่ได้นอน ไหนๆ แล้วก็ลองเพิ่มอายครีมเข้าไปอีกหนึ่งขั้นตอนหน่อยแล้วกันแต่บอกเลยว่าราคาอายครีมไม่เคยธรรมดา จะซื้อแต่ละทีก็แอบเจ็บจี๊ดถึงใจ ต้องมาถามตัวเองว่าไอ้ที่ซื้อไปจะคุ้มค่ากับเงินและการเพิ่มเวลาในขั้นตอนทาครีมหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์ที่ดูเหมือนจะช่วยบำรุงผิวเหมือนๆ กันแตกต่างแค่ตรงต้องใช้แต่ใช้กับบริเวณเฉพาะจุดบนใบหน้าของเราเท่านั้น จริงๆ แล้วเราจำเป็นต้องใช้อายครีมมั้ยนะ? หรือนี่คือกลยุทธ์ของนักการตลาดที่ทำเพื่อเพิ่มยอดขายเท่านั้น?  มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันได้เลย

รูปภาพ:

อายครีมคืออะไร ?

ก่อนจะเข้าเรื่อง อย่างแรกเรามาทำความรู้จกกับอายครีมกันหน่อยค่ะ อายครีม คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับบำรุงเฉพาะจุดบริเวณผิวรอบดวงตาและแก้ปัญหาผิวบริเวณใต้ตา เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่นใต้ตา ปัญหาถุงใต้ตา และปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ ซึ่งผลิตภัณฑ์อายครีมที่เราเห็นได้ตามท้องตลาดนั้นก็จะมีหลากหลายรูปแบบมากๆ ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำ เนื้อเซรั่ม เนื้อครีม หรือเนื้อเจล และมักจะบรรจุในผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กจิ๋วแต่จัดเต็มด้วยความพรีเมียม ซึ่งก็ตามมาด้วยราคาที่ค่อนข้างแรงอย่างที่เรารู้ๆ กันนั่นเอง

อายครีม vs ครีม เหมือนหรือต่าง ?

รูปภาพ:

ทีนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วอายครีมต่างจากครีมธรรมดาที่เราใช้กับผิวหน้ายังไง?เราอาจจะคิดว่าผิวก็คือผิวไม่ว่าจะตรงไหนก็เหมือนๆ กันหมด แต่ความจริงก็คือ ผิวบริเวณต่างๆ ของใบหน้าและร่างกายต่างกัน ยิ่งผิวบริเวณรอบดวงตาเค้าจะมีความบอบบางสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายและมีโอกาสระคายเคืองแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าส่วนอื่นมาก สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ผิวบริเวณเปลือกตาชุ่มชื้นเพื่อป้องกันความแห้งกร้าน เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้ในบริเวณนี้ก็ควรที่จะต้องอ่อนโยนมากๆซึ่งจริงๆ แล้วส่วนผสมของอายครีมนอกจากส่วนผสมที่ใช้สร้างเนื้อผลิตภัณฑ์แล้วส่วนผสมอย่างพวก active ingredients เองก็จะไม่ได้แตกต่างจากครีมบำรุงผิวหน้าที่เราใช้มากนัก แต่อายครีมเค้าอาจจะไปเน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความระคายเคืองเพราะเราต้องทาบริเวณใกล้ดวงตา ตัวอย่างเช่น ในอายครีมก็มักจะไม่มีน้ำหอมและไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อลดโอกาสการแพ้และระคายเคือง รวมถึงใช้แล้วจะต้องไม่รู้สึกแสบตา แต่ก็อย่างที่กล่าวไปข้างบนเลยค่ะว่าเมื่อเทียบราคากต่อปริมาณแล้วแพงมากเกินใจจะรับไหวมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มมีคำถามต่อว่า อ้าว อย่างนี้ก็ต้องซื้ออายครีมน่ะสิ แล้วราคาแรงขนาดนั้นถ้าคนงบน้อยล่ะ จะทำยังไงถ้าอยากแก้ปัญหาใต้ตาดำบ้าง? ถ้าอยากรู้ก็ต้องเลื่อนอ่านต่อแล้วล่ะค่ะ เพราะhttps://sistacafe.com/มีคำตอบมาให้แล้วว

ใต้ตาดำ เกิดจากอะไร ?

รูปภาพ:

สิ่งที่เราควรจะรู้ก่อนเลยก็คือถึงจะใต้ตาดำเหมือนกัน แต่ต้นเหตุก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะมีหลายปัจจัยมากที่ทำให้คนเราประสบพบเจอกับปัญหาใต้ตาหมีแพนด้าแบบนี้ หากไม่แน่ใจว่าเรามี ปัญหาผิวรอบดวงตาที่เกิดจากสาเหตุไหน มาเช็กไปพร้อมๆ กันได้เลย

1.ใต้ตาดำจากการสะสมของเม็ดสีใต้ดวงตา (Pigmentation)

ประเภทนี้จะเป็นเพราะเราเป็นเพราะกรรมพันธุ์ซะส่วนใหญ่ โดยอาจจะเกิดจากการที่เป็นคนผิวคล้ำโดยกำเนิด จึงทำให้มีการผลิตเม็ดสีเมลานินมากกว่าคนผิวขาว หรืออาจจะเกิดจากโรคภูมิแพ้ซึ่งก็สามารถส่งต่อผ่านกรรมพันธุ์ได้เช่นกันค่ะ

2. ใต้ตาดำจากผิวหนังบาง

อาจจะเกิดเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผิวที่บางเลยทำให้เรามองเห็นเส้นเลือดที่เกิดการขยายตัวได้ชัดเจนและความคล้ำจากสีเข้มของเส้นเลือดอาจจะทำให้เรามองเห็นเป็นสีอมม่วงร่วมด้วย

3. ใต้ตาดำจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต

เช่น การมีรอยย่นใต้ตา การขยี้ตาบ่อยการอดนอนและการพักผ่อนไม่เพียงพอรวมทั้งความเครียด ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย ขาดสารอาหารบางชนิดก็เป็นต้นปัจจัยเสริมที่ทำให้อาการคล้ำรอบดวงตาเป็นมากขึ้นได้

ใต้ตาดำต้องทำยังไง ?

55

รูปภาพ:

หลังจากที่เรารู้แล้วว่าตัวเองเป็นใต้ตาดำประเภทไหน ทีนี้เราก็จะสามารถจัดการกับปัญหาได้ตรงจุดกันมากขึ้นถ้าใต้ตาดำเพราะพันธุกรรมอันนี้ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าการจะแก้ด้วยสกินแคร์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เราอาจจะต้องยอมรับข้อจำกัดตรงนี้ก่อนนะคะ ส่วนถ้าเรายังอยากลองใช้สกินแคร์จริงๆ ก็ให้ลองเลือกตัวที่มีส่วนผสมช่วยลดการสร้างเม็ดสีตามนี้เลยค่ะ

• Soybean Extractยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินซึ่งเป็นตัวสร้างเม็ดสีผิว• Alpha Arbutinยับยั้งไม่ให้เมลานินขึ้นมายังผิวชั้นบนจนเห็นเป็นสีคล้ำ• Licorice root extractยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ไม่ให้ไปสร้างเม็ดสีเมลานิน• Niacinamideช่วยให้ผิวเราไบรท์ ดูกระจ่างใสขึ้นได้สำหรับคนที่ใต้ตาดำเพราะผิวบางและเห็นเส้นเลือดง่าย ก็อาจจะลองหาส่วนผสมตัวที่จะช่วยให้หลอดเลือดหดตัวได้ชั่วคราว ตัวที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็จะเป็น Caffeine นั่นเอง ซึ่งเจ้าตัวนี้ก็จะหาได้ในอายครีมได้ง่ายกว่าครีมบำรุงผิวหน้าทั่วไป เค้าจะช่วยเรื่องการหดตัวเส้นเลือดบริเวณรอบดวงตา ลดการบวมคล้ำที่ใต้ตาได้นั้น หรืออีกด้านนึงถ้าหากผิวรอบดวงตาบวมคล้ำจากการคั่งของน้ำและการไหลเวียนของเลือด อาจสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยความเย็น ดังนั้นการใช้เจลเย็นประคบ ก็อาจจะช่วยทุเลาการบวมจากสาเหตุนี้ได้

หากใต้ตาดำจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตเช่นการขยี้ตาอย่างแรกเลยก็ต้องหลีกเลี่ยงการขยี้ตาก่อน หรือถ้ามีริ้วรอยจากความแห้งกร้านก็ให้เน้นตัวที่เพิ่มความชุ่มชื้นเป็นหลัก เช่น Ceramide, Hyaluronic acid, Squalane  หรือเลือกส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ เช่น Vitamin C, retinol แต่หากเป็นริ้วรอยจากการขยับกล้ามเนื้ออาจจะต้องแก้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์แทนนอกจากนั้นการนอนน้อยเองก็ทำให้เราหาวมากขึ้นและน้ำก็จะไปสะสมบริเวณใต้ตาเยอะ เพราะฉะนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือเราต้องนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงถึงจะดีที่สุดค่ะ


https://www.byrdie.com/do-eye-creams-work#:~:text=Eye%20cream%20is%20an%20effective,cream%20is%20just%20not%20enough

.

https://www.stylist.co.uk/beauty/eye-cream-benefits/573763

https://www.webmd.com/beauty/features/need-eye-cream

https://www.abrokebeautyblogger.com/blog/does-eye-cream-really-work-busting-myths-about-them

https://www.facebook.com/drwarayuwadee/posts/1014685515612022/

https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/issue024/beauty-full

ใต้ตาดำ อายครีมจำเป็นไหม ?

พอมาไล่ๆ ดูแล้ว จริงๆ ส่วนผสมที่เราแนะนำตรงหัวข้อด้านบนไปก็มีอยู่ในครีมทั่วไปเลยนี่นา แล้วแบบนี้สรุปจะต้องซื้ออายครีมมาใช้ดีไหม หรือจริงๆ แล้วก็ใช้สกินแคร์ตัวที่มีอยู่ได้น้า?

ย้อนกลับมาคำถามที่ว่า

สรุปแล้วใต้ตาดำ อายครีมจำเป็นไหม?

ถ้าถามซิสก็คงบอกว่าคงไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมีทุกคน เพราะถ้าเรามีครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิวอยู่แล้วก็สามารถนำมาทาบาง ๆ รอบดวงตาได้เลย หากไม่มีปัญหาการแพ้อะไร ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อเพิ่มก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหากใครที่มีงบ มีเวลาสำหรับขั้นตอนที่จะเพิ่มเข้ามาในสกินแคร์รูทีน แล้วอยากใช้อายครีมแยกเฉพาะเจาะจงไปเลย ก็ลองมองหาอายครีมส่วนผสมที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดตามที่แนะนำไปได้เช่นกันค่ะ

อันนี้แอบมาฝากถึงเรื่องสกินแคร์ราคาสูงกันหน่อย ไม่ใช่แค่หมายถึงอายครีมนะคะแต่หมายถึงสกินแคร์ทุกประเภทเลยว่า สกินแคร์ราคาแพงอาจจะไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์จะดีกว่าเสมอไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าที่ราคาสูงแลกมากับมูลค่าการวิจัยและการทดสอบ ผลิตภัณฑ์ คุณภาพของส่วนผสมที่ใช้ หรือแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ที่ถึงแม้ว่าอาจดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่มีบทบาทสำคัญในการรักษาเนื้อครีมให้คงประสิทธิภาพตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้จนถึงครั้งสุดท้ายเลยซิสว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือเลือกผลิตภัณฑ์ในราคาที่เหมาะสมสำหรับเราเลือกตัวที่เนื้อสัมผัสและผลลัพธ์ที่เราต้องการ และขอย้ำไว้ว่าความสม่ำเสมอสิที่เป็นกุญแจสำคัญไม่ว่าเราจะทาด้วยอายครีมหรือใช้ครีมบำรุงผิวหน้ามาทาใต้ตา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องหมั่นทาบำรุงผิวใต้ตาให้คงความชุ่มชื้นไว้ให้สม่ำเสมอ ทำอย่างนั้นถึงจะเห็นผลลัพธ์ค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

สรุปในสรุปอีกที

อายครีม ใครใคร่ใช้ ใช้ ใครไม่ใคร่ใช้ ไม่ใช้ได้เช่นกัน

ถ้าไม่มีอายครีมก็ให้เอาสกินแคร์ตัวที่มีอยู่แล้วมาทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตาแทนได้เลย นอกจากนี้จะบอกว่าบางทีสกินแคร์ก็ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เพราะปัญหาบางคนจริงๆ อาจจะไม่ได้เกิดจากการที่ใต้ตาดำแต่เป็นเพราะโครงสร้างผิวที่มีไขมันน้อยจากะอายุที่เพิ่มขึ้น หรือมีโครงหน้าเบ้าตาที่ลึกโบ๋ทำให้เกิดเงามืดจากแสง การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาอายครีมอาจไม่ช่วยอะไร บางที่เราอาจจะต้องพิจารณาการทำหัตถการ อย่างเช่น พวกโบท็อกซ์ เลเซอร์ ฟิลเลอร์ หรือการผ่าตัดร่วมกับการดูแลภายใต้คำแนะนำของแพทย์เอาน้า

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

kidasindahouse

Writer:BabyPeachy


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ: