สาวๆหลายคนเมื่อเข้ามาเริ่มจริงจังกับการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะต้องการลดน้ำหนัก ลดสัดส่วน หรือเพื่อรักษารูปร่างก็ตาม มักจะหลีกเลี่ยงการทานคาร์โบไฮเดรตและไขมันเนื่องจากกลัวอ้วนและคิดถึงเจ้าสองสิ่งนี้ในด้านลบๆ ซึ่งเรื่องคาร์โบไฮเดรตนั้นเราได้เขียนเพื่อไขข้อกระจ่างกันไปแล้วในซิสต้า และวันนี้เราจะมาเล่นประเด็นเกี่ยวกับไขมันกันบ้างค่ะว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่น่าสนใจ

รูปภาพ:http://cdn.images.express.co.uk/img/dynamic/11/590x/Olive-oil-576514.jpg

พอเอ่ยชื่อคำว่าน้ำมันสาวๆหลายคนเริ่มทำหน้าเสีย เรียกได้ว่าน้ำมันนั้นตกเป็นจำเลยที่ถูกกล่าวหายว่าทำเราหุ่นเสีย แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เราอ้วนได้มากกว่าน้ำมันก็คือพฤติกรรมการทานไม่เลอกและไม่สามารถควบคุมสติในการทานของตัวเองได้มากกว่าค่ะ  ดังนั้นเราขอยกมือต่อหน้าศาลตรงนี้ขอความเป็นธรรมให้น้ำมันด้วยค่ะ

รูปภาพ:http://global.filippoberio.com/wp-content/themes/filippo-berio/images/xolive-diet-img.jpg.pagespeed.ic.UF7Ijjebaf.jpg

เราเชื่อว่าความเชื่อที่เกิดจากการกินไขมันแล้วอ้วนเนี่ย มาจากการที่เราสังเกตุว่าคนที่รับประทานอาหารมันๆทอดๆนั้นมีแนวโน้มอ้วนมากกว่านั่นเองค่ะ ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เค้ารับประทานไขมันที่ไม่ดีและรับประทานมากเกินไปนั่งเอง ซึ่งหากเราเลือกรับประทานและควบคุมปริมาณแล้วละก็จะมีผลดีมากกว่าผลเสียอีกด้วยค่ะ

รูปภาพ:https://nouribrothers.com/wp-content/uploads/2017/02/mediterranean-food-olive-oil-1024x683.jpg

ชนิดของ น้ำมัน

น้ำมันแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ น้ำมันพืช และ น้ำมันจากสัตว์ นั่นก็คือน้ำมันพืช&น้ำมันจากสัตว์

น้ำมันจากสัตว์มักได้จากไขมันสัตว์โดยตรง เช่น การนำไขมันหมูทอดทิ้งไว้ในกระทะเพื่อรีดเอาน้ำมันออก น้ำมันหมูที่ได้จะมีสีใสและให้กลิ่นหอมใกล้เคียงธรรมชาติ อีกทั้งน้ำมันชนิดนี้มีจุดเกิดควันสูง ทนต่อความร้อนได้ดี จึงเหมาะสำหรับทอดอาหารที่ต้องการใช้ไฟแรง

ในขณะที่น้ำมันจากพืชจะต่างจากน้ำมันหมูตรงที่ต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนกว่า ทั้งการกลั่น ฟอกสี และแต่งกลิ่นก่อนนำมาบรรจุขวดขาย ส่วนจุดเกิดควันจะต่างกันไปตามชนิดของพืชที่ใช้

แล้วน้ำมันอันไหนล่ะที่ดี เราจะรู้ได้ไง

รูปภาพ:http://www.foodsng.com/wp-content/uploads/2015/05/frying-chicken.jpg

Tips ง่ายๆ ในการเลือกน้ำมันทำอาหาร

สิ่งแรกที่ต้องพิจารณา คือ ควรเป็นน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัว หรือมีไขมันอิ่มตัวน้อย และอย่าลืมนึกถึงจุดเกิดควัน ( Smoke Point ) ของน้ำมันชนิดนั้นๆ ว่าเหมาะแก่การทำอาหารประเภทไหน เช่น หากเป็นอาหารที่ต้องผัดหรือทอดไฟแรง ควรเลือกน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง เนื่องจากมีคุณสมบัติทนความร้อนได้ดีกว่า เพราะหากเลือกใช้น้ำมันที่มีจุดเกิดควันต่ำ นอกจากจะไม่ทนต่อความร้อนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดสารก่อมะเร็งได้มากกว่าน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงอีกด้วย

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว คราวหน้าอย่าพลาดหยิบน้ำมันให้ถูกขวดก่อนใช้ปรุงอาหาร นอกจากจะไม่เป็นพิษภัยต่อร่างกายแล้ว ยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นของแถมอีกต่างหาก

รูปภาพ:http://img.aws.livestrongcdn.com/ls-article-image-673/cpi.studiod.com/www_livestrong_com/photos.demandstudios.com/getty/article/223/75/493185878_XS.jpg

น้ำมันที่ให้ไขมันดี ที่สาวเฮลท์ตี้ควรกิน

น้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัว อย่าง น้ำมันคาโนล่าและน้ำมันถั่ว มีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) มีจุดเกิดควันต่ำ เหมาะแก่การใช้เหยาะหรือคลุกเคล้าอาหาร ขณะที่น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด เป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในระดับปานกลาง ส่วนน้ำมันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงสุดในบรรดาน้ำมันพืชทั้งหมด คือ น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย ซึ่งประกอบไปด้วยกรดไขมันไลโนเลอิค (เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน) และกรดไขมันโอเลอิค (เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว) ทั้งสองชนิดเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดไขมันในเลือด และป้องกันไขมันอุดตันได้อีกด้วย

รูปภาพ:http://s.eatthis-cdn.com/media/images/ext/894966099/canola-oil-stir-fry.jpg

น้ำมันอะไรใช้ประกอบอาหารชนิดไหนดี?

อาหารประเภทผัด ใช้ น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันเมล็ดทานตะวัน, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันรำข้าว

อาหารที่ต้องทอดไฟแรง ใช้ น้ำมันหมู, น้ำมันปาล์ม

ใช้เหยาะ/คลุกเคล้า (พวกสลัด) ใช้ น้ำมันมะกอก, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันคาโนล่า, น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์

รูปภาพ:http://i.ndtvimg.com/i/2016-04/cooking-oil_625x350_81460535553.jpg

และนี่ก็เป็นบทความดีๆที่เราได้อ่าน และเห็นว่ามีประโยชน์ต่อสาวๆจึงได้นำมาแบ่งปันกันในนี้ค่ะ ต้องขอบคุณสำหรับแหล่งข้อมุลดีๆที่เขียนให้เราได้ศึกษาด้วยนะคะ สำหรับวันนี้ก้ต้องลากันไปก่อน ด้วยรักและสุขภาพดีค่ะ