ฝุ่นนี้ อีกนานนน 😭 5 วิธีอยู่ให้ปลอดภัย ถ้าต้องหายใจร่วมกับ 'อากาศเป็นพิษ!'
ปัญหาฝุ่นพิษดูแล้วจะอีกนาน ในสภาวะอากาศแบบนี้ เราจะสามารถอยู่อย่างไร เพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นให้ได้มากที่สุด!
เผยแพร่: 25 ม.ค. 2562 13:32 น.
Views: 3,438
รหัสบทความ: 61753
เฮ้ออออ นับตั้งแต่วันที่มี
ข่าวฝุ่น PM2.5
ก็เริ่มอยู่อย่างไม่เป็นสุขอีกเลย เพราะเราไม่ต้องไปไหน แต่พิษจากฝุ่นก็สามารถแพร่มาหาเราได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังมีข่าวการดูแลมลพิษอย่างการฉีดน้ำไล่ฝุ่นมาให้ชื่นใจเล่นทุกวันอีก เห็นแบบนี้แล้วก็คิดได้อย่างเดียวว่า เอาล่ะ!
ถ้าเราไม่ดูแลตัวเอง ก็คงไม่มีใครดูแลได้แล้วล่ะ
แต่ดูๆ แล้ว
ปัญหาฝุ่นนี้ดูท่าจะอีกนานโข
เนื่องจากมลภาวะอากาศเป็นพิษที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ได้เกิดแค่วันสองวัน แต่เป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน ฉะนั้น
เราก็เลยจำเป็นต้องปรับตัว เพื่ออยู่ร่วมกับปัญหาอากาศเป็นพิษ ไปพร้อมๆ กับการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นด้วย
เรามาดูกันดีกว่าว่า
นอกจากการใส่มาส์กแล้ว
เรายังสามารถทำอะไรได้บ้าง
เพื่อดูแลสุขภาพร่างกายของเรา ไม่ให้โดนฝุ่นเล่นงานได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
1 # ลดการออกกำลังกายกลางแจ้ง
ในข้อแรกนี้ ถือเป็นข้อสำคัญหลักๆ ที่เราต้องคำนึงถึง เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคที่คนรักสุขภาพ การออกกำลังกายก็เลยต้องมาคู่กัน
ก็จริงที่การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี
ได้หายใจเข้าออกลึกๆ กลางแจ้งก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้มาก
แต่ไม่ใช่ตอนที่อากาศเป็นพิษแบบนี้แน่นอน
เพราะถ้าอากาศมันไม่ดี การที่เราไปทำกิจกรรมที่เน้นการบริหารลมหายใจแบบนี้
ก็เหมือนกับรับพิษเข้าไปเต็มๆ
ครั้นจะให้ใส่หน้ากาก N95 วิ่ง ก็คงจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อนแน่ๆ
ถึงจะพูดแบบนั้นก็ใช่ว่าจะออกกำลังกายไม่ได้เลย
เพียงแต่ให้เรางดออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงที่ค่าอากาศเป็นพิษสูง
ให้ไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า
หรือใช้บริการฟิตเนสภายในห้างแทน
ก็จะช่วยลดการเสี่ยงกับอากาศเป็นพิษนี้ได้มากขึ้นแน่นอน
2 # เช็คค่าอากาศรายวัน
การที่เราไปไหนมาไหนแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็เท่ากับเรามีความเสี่ยงมากขึ้น
ถ้างั้นเรามาเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยการเช็คค่าอากาศแบบรายวัน
กันดีกว่า ซึ่งวิธีไม่ยากอะไรเลย เพียงแค่ติดตั้งแอปพลิเคชั่นรายงานมลพิษทางอากาศ อย่างเช่น
Air Quality
,
AirVisual,
Air4Thai และแอปอื่นๆ อีกมากมาย ที่มีให้โหลดทั่วไปทั้งจาก Google Play Store และ App Store เนี่ยแหละ แค่ติดตั้งแล้วก็เปิดโลเคชั่นเพื่อทราบพิกัดของเรา
ก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่า วันนี้อากาศเป็นพิษขนาดไหนแล้วล่ะจ้า
จากตอนแรกอาจจะดูแค่สีมงคลประจำวัน แต่ในสถาณการณ์ปัจจุบัน เหมือนจะต้องดูค่ามลพิษทางอากาศควบคู่ไปด้วยแล้วนะ TvT แต่มันก็จำเป็นเนอะ เพราะ
ถ้าเรารู้สภาพความเป็นพิษว่ามีมากแค่ไหน
ก็ทำให้วางแผนการป้องกันสุขภาพประจำวันได้แล้ว ฮึบ! คนไทยสู้ๆ
3 # ธรรมชาติบำบัด
ในสภาพอากาศแบบนี้
ใครๆ ก็ต้องนึกถึงเครื่องฟอกอากาศแน่นอน
แต่ถ้าหากใครไม่ได้มีทุนมากขนาดนั้น ก็ไม่ต้องตื่นตกใจ เพราะเรายังมีธรรมชาติเป็นเพื่อน
อย่างพืชบางชนิด ที่สามารถชะล้างอากาศภายในบ้าน
ซึ่งบางทีเราเผลอปล่อยสารเคมีภายในบ้าน หรือทำกิจกรรมบางอย่างที่เป็นต้นเหตุของอากาศเป็นพิษได้
ปกติแล้วคนเรามักจะปลูกพืชไว้เพื่อประโยชน์ทางจิตใจ
ดูแล้วรู้สึกสวยงาม คลายเครียด รู้สึกมีสมาธิมากขึ้น
แต่ก็มีพืชบางอย่างที่มีสรรพคุณช่วยปรับสภาพอากาศให้ได้ภายในตัว
อย่างเช่น
ว่านเศรษฐีเรือนนอก, ต้นไอวี่, ต้นพลูด่าง, เดหลี, ดราแคนน่า, เบญจมาศ, เฟินงาม และต้นยางอินเดีย
เป็นต้น นอกจากจะช่วยทำให้อากาศดีได้แล้ว ก็ยังเพิ่มสีเขียวภายในบ้าน ให้ดูสวยงามสบายตามากขึ้นด้วยนะ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้ได้เลย และที่สำคัญ จะดียิ่งขึ้นถ้าเรางดการใช้การปรับสภาพกลิ่นแบบสังเคราะห์ อย่างเช่นสเปรย์ปรับกลิ่นค่ะ
4 # ระบายอากาศภายในบ้าน
หลายๆ คนพอเห็นข่าวว่า ถ้าออกไปข้างนอกให้ใส่มาส์ก N95
ก็เลยมักจะคิดว่าฝุ่นอยู่แค่ข้างนอก เข้ามาภายในบ้านไม่ได้
เอิ่บ...คือฝุ่นนะจ๊ะ ไม่ใช่ผี ที่จะผ่านเจ้าที่ไม่ได้ ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะปิดประตู ปิดหน้าต่างยังไง มันก็ต้องมีผ่านเข้ามาในบ้านได้อย่างแน่นอน ฉะนั้น
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะขังตัวเองอยู่ในบ้านแบบไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน
วิธีที่ควรทำก็คือ แทนที่เราจะปิดบ้าน ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ตลอดทั้งวัน
ให้เราเปิดประตูและหน้าต่างในช่วง 3 - 5 โมงเย็น
เพื่อระบายอากาศออก
เพราะเป็นช่วงเวลาที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในอากาศต่ำที่สุดแล้วค่ะ
ทั้งนี้ เวลาอาจไม่ตายตัว
ให้ลองหมั่นเช็คค่ามลพิษทางอากาศแบบเรียลไทม์
ควบคู่ไปด้วยจะดีที่สุดนะคะ
5 # ปรับร่างกายสู้พิษ
ในสภาวะที่อากาศเป็นพิษแบบนี้
หลายคนอาจได้เจอกับโรคที่ตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ก็เริ่มเป็นหลังจากมลภาวะฝุ่น PM 2.5 มาเยือน ซึ่งเป็นเพราะเมื่อเราได้รับฝุ่นมากๆ โดยไม่รู้ตัว แบบไม่มีการป้องกัน ก็จะทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงได้แบบไม่คาดคิด ฉะนั้น เราก็ควรจะรับมือกับปัญหาสุขภาพที่มาจากฝุ่นด้วยตัวเองให้ได้ก่อน
โดยการสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วยตัวเอง
อย่างเช่น
การทานผลไม้ที่มีวิตามิน C สูง
หรือ
อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า และแมกนีเซียม
ซึ่งเป็นสารอาหารที่จะช่วยให้ร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ต่อสู้กับโรคต่างๆ อันเป็นเหตุมาจากฝุ่นได้พร้อมขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ เนื่องจากสภาพมลภาวะอากาศที่เลวร้าย
เราจำเป็นต้องจริงจังในการดูแลร่างกาย
ฉะนั้น อะไรที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ต้องงดอย่างเด็ดขาด
โดยเฉพาะการนอนดึก
สำคัญมาก เพราะแค่นอนไม่เป็นเวลาก็ทำให้ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว คิดดูสิว่า
ยิ่งนอนไม่เป็นเวลาตอนอากาศเป็นพิษด้วย จะแย่ขนาดไหน
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้เราปรับตัวอยู่กับสภาพมลภาวะในปัจจุบันได้
แต่ยังไงก็ไม่ดีเท่าการที่อากาศกลับมาบริสุทธิ์สดใสเหมือนเดิม
ซึ่งการที่อากาศจะดีได้
ทุกคนก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน
อะไรช่วยได้ก็ช่วย อย่างเช่น การใช้รถขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น งดการเผาขยะ งดการใช้พลาสติก และต่างๆ อีกมากมาย
ถ้าหากเราทำได้ การได้เห็นตัวเลขเขียวๆ จากแอปรายงานมลพิษทางอากาศ ก็อาจจะไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไปก็ได้นะคะ!