เฮ้ออออ นับตั้งแต่วันที่มี

ข่าวฝุ่น PM2.5

ก็เริ่มอยู่อย่างไม่เป็นสุขอีกเลย เพราะเราไม่ต้องไปไหน แต่พิษจากฝุ่นก็สามารถแพร่มาหาเราได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังมีข่าวการดูแลมลพิษอย่างการฉีดน้ำไล่ฝุ่นมาให้ชื่นใจเล่นทุกวันอีก เห็นแบบนี้แล้วก็คิดได้อย่างเดียวว่า เอาล่ะ!

ถ้าเราไม่ดูแลตัวเอง ก็คงไม่มีใครดูแลได้แล้วล่ะ

แต่ดูๆ แล้ว

ปัญหาฝุ่นนี้ดูท่าจะอีกนานโข

เนื่องจากมลภาวะอากาศเป็นพิษที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ได้เกิดแค่วันสองวัน แต่เป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน ฉะนั้น

เราก็เลยจำเป็นต้องปรับตัว เพื่ออยู่ร่วมกับปัญหาอากาศเป็นพิษ ไปพร้อมๆ กับการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นด้วย

เรามาดูกันดีกว่าว่า

นอกจากการใส่มาส์กแล้ว

เรายังสามารถทำอะไรได้บ้าง

เพื่อดูแลสุขภาพร่างกายของเรา ไม่ให้โดนฝุ่นเล่นงานได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


1 # ลดการออกกำลังกายกลางแจ้ง

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/55/e1/d1/55e1d112f9a209ada77b86061a6c6125.jpg

ในข้อแรกนี้ ถือเป็นข้อสำคัญหลักๆ ที่เราต้องคำนึงถึง เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคที่คนรักสุขภาพ การออกกำลังกายก็เลยต้องมาคู่กัน

ก็จริงที่การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี

ได้หายใจเข้าออกลึกๆ กลางแจ้งก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้มาก

แต่ไม่ใช่ตอนที่อากาศเป็นพิษแบบนี้แน่นอน

เพราะถ้าอากาศมันไม่ดี การที่เราไปทำกิจกรรมที่เน้นการบริหารลมหายใจแบบนี้

ก็เหมือนกับรับพิษเข้าไปเต็มๆ

ครั้นจะให้ใส่หน้ากาก N95 วิ่ง ก็คงจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อนแน่ๆ

ถึงจะพูดแบบนั้นก็ใช่ว่าจะออกกำลังกายไม่ได้เลย

เพียงแต่ให้เรางดออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงที่ค่าอากาศเป็นพิษสูง

ให้ไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า

หรือใช้บริการฟิตเนสภายในห้างแทน

ก็จะช่วยลดการเสี่ยงกับอากาศเป็นพิษนี้ได้มากขึ้นแน่นอน


2 # เช็คค่าอากาศรายวัน

รูปภาพ:https://cdn.theatlantic.com/assets/media/img/posts/2015/07/Screen_Shot_2015_07_13_at_3.52.28_PM/c7b04c2df.png

การที่เราไปไหนมาไหนแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็เท่ากับเรามีความเสี่ยงมากขึ้น

ถ้างั้นเรามาเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยการเช็คค่าอากาศแบบรายวัน

กันดีกว่า ซึ่งวิธีไม่ยากอะไรเลย เพียงแค่ติดตั้งแอปพลิเคชั่นรายงานมลพิษทางอากาศ อย่างเช่น


Air Quality

,

AirVisual,

Air4Thai และแอปอื่นๆ อีกมากมาย ที่มีให้โหลดทั่วไปทั้งจาก Google Play Store และ App Store เนี่ยแหละ แค่ติดตั้งแล้วก็เปิดโลเคชั่นเพื่อทราบพิกัดของเรา

ก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่า วันนี้อากาศเป็นพิษขนาดไหนแล้วล่ะจ้า

จากตอนแรกอาจจะดูแค่สีมงคลประจำวัน แต่ในสถาณการณ์ปัจจุบัน เหมือนจะต้องดูค่ามลพิษทางอากาศควบคู่ไปด้วยแล้วนะ TvT แต่มันก็จำเป็นเนอะ เพราะ

ถ้าเรารู้สภาพความเป็นพิษว่ามีมากแค่ไหน

ก็ทำให้วางแผนการป้องกันสุขภาพประจำวันได้แล้ว ฮึบ! คนไทยสู้ๆ


3 # ธรรมชาติบำบัด

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/c8/ef/71/c8ef7141107c5a2aa88ac43d6d4889b2.jpg

ในสภาพอากาศแบบนี้

ใครๆ ก็ต้องนึกถึงเครื่องฟอกอากาศแน่นอน

แต่ถ้าหากใครไม่ได้มีทุนมากขนาดนั้น ก็ไม่ต้องตื่นตกใจ เพราะเรายังมีธรรมชาติเป็นเพื่อน

อย่างพืชบางชนิด ที่สามารถชะล้างอากาศภายในบ้าน

ซึ่งบางทีเราเผลอปล่อยสารเคมีภายในบ้าน หรือทำกิจกรรมบางอย่างที่เป็นต้นเหตุของอากาศเป็นพิษได้

ปกติแล้วคนเรามักจะปลูกพืชไว้เพื่อประโยชน์ทางจิตใจ

ดูแล้วรู้สึกสวยงาม คลายเครียด รู้สึกมีสมาธิมากขึ้น

แต่ก็มีพืชบางอย่างที่มีสรรพคุณช่วยปรับสภาพอากาศให้ได้ภายในตัว

อย่างเช่น

ว่านเศรษฐีเรือนนอก, ต้นไอวี่, ต้นพลูด่าง, เดหลี, ดราแคนน่า, เบญจมาศ, เฟินงาม และต้นยางอินเดีย

เป็นต้น นอกจากจะช่วยทำให้อากาศดีได้แล้ว ก็ยังเพิ่มสีเขียวภายในบ้าน ให้ดูสวยงามสบายตามากขึ้นด้วยนะ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้ได้เลย และที่สำคัญ จะดียิ่งขึ้นถ้าเรางดการใช้การปรับสภาพกลิ่นแบบสังเคราะห์ อย่างเช่นสเปรย์ปรับกลิ่นค่ะ


4 # ระบายอากาศภายในบ้าน

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/91/c1/05/91c10568ca4521b9fde2f7eaf338c55c.jpg

หลายๆ คนพอเห็นข่าวว่า ถ้าออกไปข้างนอกให้ใส่มาส์ก N95

ก็เลยมักจะคิดว่าฝุ่นอยู่แค่ข้างนอก เข้ามาภายในบ้านไม่ได้

เอิ่บ...คือฝุ่นนะจ๊ะ ไม่ใช่ผี ที่จะผ่านเจ้าที่ไม่ได้ ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะปิดประตู ปิดหน้าต่างยังไง มันก็ต้องมีผ่านเข้ามาในบ้านได้อย่างแน่นอน ฉะนั้น

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะขังตัวเองอยู่ในบ้านแบบไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน

วิธีที่ควรทำก็คือ แทนที่เราจะปิดบ้าน ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ตลอดทั้งวัน

ให้เราเปิดประตูและหน้าต่างในช่วง 3 - 5 โมงเย็น

เพื่อระบายอากาศออก

เพราะเป็นช่วงเวลาที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในอากาศต่ำที่สุดแล้วค่ะ

ทั้งนี้ เวลาอาจไม่ตายตัว

ให้ลองหมั่นเช็คค่ามลพิษทางอากาศแบบเรียลไทม์

ควบคู่ไปด้วยจะดีที่สุดนะคะ


5 # ปรับร่างกายสู้พิษ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/ca/fc/47/cafc479fa36d9538682b1c8878f22356.jpg

ในสภาวะที่อากาศเป็นพิษแบบนี้

หลายคนอาจได้เจอกับโรคที่ตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ก็เริ่มเป็นหลังจากมลภาวะฝุ่น PM 2.5 มาเยือน ซึ่งเป็นเพราะเมื่อเราได้รับฝุ่นมากๆ โดยไม่รู้ตัว แบบไม่มีการป้องกัน ก็จะทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงได้แบบไม่คาดคิด ฉะนั้น เราก็ควรจะรับมือกับปัญหาสุขภาพที่มาจากฝุ่นด้วยตัวเองให้ได้ก่อน

โดยการสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วยตัวเอง

อย่างเช่น

การทานผลไม้ที่มีวิตามิน C สูง

หรือ

อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า และแมกนีเซียม

ซึ่งเป็นสารอาหารที่จะช่วยให้ร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ต่อสู้กับโรคต่างๆ อันเป็นเหตุมาจากฝุ่นได้พร้อมขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ เนื่องจากสภาพมลภาวะอากาศที่เลวร้าย

เราจำเป็นต้องจริงจังในการดูแลร่างกาย

ฉะนั้น อะไรที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ต้องงดอย่างเด็ดขาด

โดยเฉพาะการนอนดึก

สำคัญมาก เพราะแค่นอนไม่เป็นเวลาก็ทำให้ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว คิดดูสิว่า

ยิ่งนอนไม่เป็นเวลาตอนอากาศเป็นพิษด้วย จะแย่ขนาดไหน


ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้เราปรับตัวอยู่กับสภาพมลภาวะในปัจจุบันได้

แต่ยังไงก็ไม่ดีเท่าการที่อากาศกลับมาบริสุทธิ์สดใสเหมือนเดิม

ซึ่งการที่อากาศจะดีได้

ทุกคนก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน

อะไรช่วยได้ก็ช่วย อย่างเช่น การใช้รถขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น งดการเผาขยะ งดการใช้พลาสติก และต่างๆ อีกมากมาย

ถ้าหากเราทำได้ การได้เห็นตัวเลขเขียวๆ จากแอปรายงานมลพิษทางอากาศ ก็อาจจะไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไปก็ได้นะคะ!