UTI หรือ Urinary Tract Infection นั้นหมายถึง อาการติดเชื้อในระบบปัสสาวะ

ซึ่งรวมไปถึงไต, ท่อไต, กระเพาะปัสสาวะ, และท่อปัสสาวะ และการติดเชื้อหลักๆ แล้วจะเกิดขึ้นใน

กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ


นอกจากนี้แล้ว

ผู้หญิงมักอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้มากกว่าผู้ชายถึง 30 เท่า

เนื่องจากว่า ผู้หญิง

มีท่อปัสสาวะที่สั้นกว่าผู้ชาย

ซึ่งหมายความว่าแบคทีเรียจะมีโอกาสปนเปื้อนไปยังกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า

แถมท่อปัสสาวะของผู้หญิงยังอยู่ใกล้ปลายลำไส้ใหญ่ด้วย ซึ่งทำให้การกระจายเชื้อโรคจากส่วนนั้นง่ายขึ้นกด้วย

หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยให้ความใส่ใจ แต่จริงๆ แล้วโรคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่ว่าเราสามารถป้องกันก่อนอาการจะรุนแรงได้ด้วยการสังเกต 5 สัญญาณเตือนเหล่านี้เพื่อจะได้ไปพบแพทย์ให้ทำการักษาได้ทันเวลาจ้า


5 สัญญาณเตือน ว่าคุณอาจเป็น โรคติดเชื้อในระบบปัสสาวะ!


1. ปวดบริเวณท้องน้อย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/25/03/d8/2503d87fdf5599e23eabb9a2cf3258be.jpg

เมื่อแบคทีเรียถูกส่งจากอวัยวะส่วน rectum ไปยังท่อปัสสาวะ และขึ้นไปสู่กระเพาะปัสสาวะ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดบริเวณท้องน้อยได้

Escherichia coli หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าเชื้ออีโคไล เป็นเชื้อโรคที่พบได้ในโรค UTIและหากเชื้อโรคนี้เกิดการเจริญเติบโต ก็อาจจะส่งผลให้การตอบสนองระบบภูมิคุ้มกันนั้นทำงานได้ช้าขึ้น ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดขึ้นมาได้เช่นกัน

อาการปวดท้อง หรืออาการกล้ามเนื้อเกร็งบริเวณท้องน้อย เป็นอาการที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคทางติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ดังนั้นถ้าหากคุณมีอาการปวด และเกร็งบริเวณท้องหน่อยบ่อยๆ และนานผิดปกติ ควรจะไปปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ช่วยทำการตรวจสอบจะดีที่สุดนะจ๊ะ


2. ถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/07/73/c9/0773c919c6b26e92db585fddc10fa713.jpg

ถ้าหากคุณมีสภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบจริงๆ ล่ะก็ คุณจะต้องหงุดหงิดกับการถ่ายปัสสาวะบ่อๆ เหมือนโดนแกล้งจากเจ้าเชื้อโรคอยู่เลยล่ะ เพราะคุณจะรู้สึกว่าต้องไปเข้าห้องน้ำด่วนๆ แล้วจากอาการปวดปัสสาวะแต่พอไปถึงกลับพบว่า ไม่เห็นจะมีปัสสาวะมากอย่างที่ปวดเลย หากมีอาการปวดปัสสาวะแบบหลอกๆ ล่ะก็ คุณอาจเป็นโรค UTI

นอกจากนี้แล้วเมื่อคุณปัสสาวะ อาจจะเป็นไปได้ว่าปัสสาวะอาจจะมีกลิ่นแปลกๆซึ่งก็เป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าอาจจะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเพราะสาเหตุของกลิ่นแปลกๆ ก็คือเจ้าแบคทีเรียนี่แหละจ้า


3. ปัสสาวะมีสีแปลกไป

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/e7/a0/0d/e7a00d77581259bffbb261f101b95617.jpg

ถ้าคุณเคยสังเกตสีของปัสสาวะตัวเอง ( อาจจะฟังดูตลก แต่ในความเป็นจริงแล้วควรจะหมั่นสังเกตสีปัสสาวะกันบ่อยๆ นะจ๊ะ) จะเห็นได้ว่าปกติแล้วสีของปัสสาวะส่วนใหญ่จะออกไปทาง สีเหลืองใส หรือไม่ก็เหลืองเข้ม ออกน้ำตาลนิดๆซึ่งขึ้นอยู่กับระดับน้ำที่เราได้รับในแต่ละวัน แต่ไม่ว่าจะสีออกมาเหมือนเดิมสม่ำเสมอ หรือไม่สลับกันไป ยังไงก็ควรจะอยู่ในละแวก 2 โทนนี้่ ต้องมีสีเหลืองนิดๆ

แต่ถ้าปัสสาวะของคุณเกิดมีสีเพี้ยน ออกหม่นๆ เทาๆ หรือออกไปทางสีขมพูล่ะก็ ชัดเลยว่าอาจจะประสบสภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ รวมไปถึงเลือดที่ปนมากับปัสสาวะด้วยถ้าหากคุณมั่นใจว่าวันนั้นไม่ได้กินอาหารประเภทแบล็คเบอร์รี่, บีท และรูบาร์บซึ่งอาจทำให้ปัสสาวะเกิดสีก็หมายความว่าเป็นไปได้ที่อาจจะมีสภาวะ UTI ให้รีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อขอเช็คด่วนๆ จ้า


4. มีอาการเจ็บ หรือปวด ขณะปัสสาวะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/bd/f1/d6/bdf1d6daf8cc95b9cb4f5a0b4e21d636.jpg

การเปลียนแปลงของจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวในปัสสาวะหรือทีเรียกว่า Pyuria อาจจะก่อให้เกิดอาการอักเสบที่ผนังกระเพาะปัสสาวะและอาการอักเสบนี้เองเมื่อผนวกเข้ากับการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ก็จะทำให้เกิดอาการระคายเคือง และเจ็บ ระหว่างขับถ่ายปัสสาวะได้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปัสสาสวะของคุณมีกลิ่นฉุน อาจจะหมายความว่ามีเชื้อแบคทีเรียปนอยู่ในปัสสาวะของคุณนั่นเอง


5. อาการคล้ายไวรัสลงกระเพาะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/8c/60/45/8c6045c2411fd7cd513aabe8521fc774.jpg

นอกจากจะปวดบริเวณท้องน้อยแล้ว บางครั้งคุณอาจจะพบกับอาการคล้ายๆ ไวรัสลงกระเพาะได้เช่นกันหากการติดเชื้อนั้นลามไปสู่ไต ซึ่่งเป็นผลมาจากการที่เราได้รับการรักษาช้า ก็อาจจะทำให้ประสบกับอาการที่รุนแรงและหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง, เป็นไข้, หนาวสั่น, คลื่นไส้ และอาเจียนเป็นต้น

ถ้าหากคุณมีอาการแปลกๆ หรือเจ็บๆ ตอนปัสสาวะล่ะก็อย่าได้รีรอรีบไปพบหมอเพื่อให้หมอช่วยเช็คและดูอาการเพื่อความปลอดภัยก่อนที่เชื้อโรคจะลามไปสู่ไตจะดีที่สุดนะจ๊ะ


เรื่องโรคทางเดินปัสสาวะนี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยจริงๆ นะ ยังไงเราก็ต้องปัสสาวะกันทุกวันอยู่แล้วฉะนั้น

อย่าลืมหมั่นเช็คกันดูนะจ๊ะ ว่ามีแบบใน 5 ข้อนี้รึเปล่า

นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกัน อย่าลืม

หมั่นดื่มน้ำบ่อยๆ และปัสสาวะเมื่อปวดอย่าอั้นนาน ก่อนเข้าห้องน้ำต้องตรวจตาทุกครั้งว่าน้ำสะอาด

ทั้งน้ำที่ชำระ และน้ำในโถ

รวมไปถึงหมั่นทำความสะอาดห้องน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ถูกสุขอนามัย และเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพเราเองด้วยจ้า