สวัสดีค่ะ สาวๆ ชาวSistaCafeจริงๆ คิดอยู่ว่าจะลงในสุขภาพหรือไลฟ์สไตล์ดี เพราะเราอยากจะแชร์ประสบการณ์พังๆ ที่เราพังตัวเอง เจ็บเอง พังเอง เพื่อเป็นการเตือนสาวๆ วัยทำงานกันค่ะ

รูปภาพ:

เช้าไม่กลัวไม่กลัว ก็กลัวจะไม่เช้า เช้าแค่ไหนก็ไหว...

ไม่ไหวละ 4 ทุ่มก็ไม่ไหวแล้ว~~~ ให้อยู่โยงทำงานเช้าวันหนึ่งถึงอีกวันไม่ไหวแล้วจ้า!! ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนทำงานติดต่อกันเกิน 24 ชม.ยังไหว เราเป็นคนหนึ่งที่มาในสายWork hardตั้งแต่มัธยมฯ แต่ตอนนี้Strongไม่ไหวซะแล้ว ToT ไมเกรนก็มาจ่อหัวทุกค่ำเช้า อาการอ่อนหล้า อ่อนเพลียมีมาบ่อยขึ้น บางครั้งเรายังเคยวูบในแท็กซี่ แต่เพื่องานต้องเดินต่อยังไงเราก็ต้องสู้!!

ถ้าคนที่ทำงานดึกๆ บ่อยๆ หรือทำงานจนไม่ได้นอน จะรู้ดีว่ามันจะมีจุดๆ หนึ่งที่เป็นจุดง่วง ถ้าเลยจุดนั้นมาแล้วเราจะตื่นยาวเลย บางทีอยู่ได้จนถึงจุดง่วงของอีกวันหนึ่งโดยไม่ง่วงเลย ใช้ชีวิตได้ปกติโดยไม่ได้นอนเราใช้ชีวิตแบบนี้ติดต่อกัน จนไปถึงจุดที่เราเป็นโรคเครียด นอนไม่หลับ ร่างกายจะตื่นตลอดเวลา แค่อยากนอนให้หลับ เรายังทำไม่ได้มันแย่มากหลังจากนั้นมันเป็นอะไรที่แย่มากๆ ชีวิตเราพังสุดๆ เราต้องพักรักษาตัวเป็นยกใหญ่ กว่าที่ร่างกายจะกลับเข้าที่ และพยายามนั่งสมาธิใช้การวิปัสนาเข้าช่วย เพื่อให้ใจมันสงบ เวลาเจอเรื่องวุ่นวายเราจะได้ไม่ว้าวุ่นตาม

เพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันกับเราได้ของดีมาจากญี่ปุ่น เป็นอาหารเสริมออกซิเจนแบบทานได้ ชื่อว่า ' Eating Oxygen '

ขอบอกก่อนเลยว่า หลังจากที่ปวดไมเกรนอย่างหนัก จนต้องหยุดงานเพื่อพัก เราหลีกเลี่ยงพวกคาเฟอีนไปเลย เพราะพวกนี้จะกระตุ้นให้ไมเกรนเป็นหนักขึ้นเราเลยลองกินEating Oxygenตัวนี้เหมือนตัวRe-boostอะ คือทานไปแล้วมันจะรู้สึกสดชื่นขึ้น สมองโล่งขึ้น ไม่อื้อ ไม่ตึง รู้สึกปลอดโปร่ง หายใจสะดวกขึ้น

รูปภาพ:

มันเป็นยังไงอะเหรอ

คือตอนแรกเราก็สงสัยนะ ว่าออกซิเจนแบบกินได้มันหน้าตาเป็นยังไง? รสชาติยังไง?

วิธีทานก็ง่ายๆฉีกซอง ( ซองฉีกง่ายมาก ) แล้วกรอกใส่ปากเลย มันเป็นผงแห้งๆ เหมือนคุกกี้ที่บดละเอียด กลิ่นก็เหมือน รสชาติก็หวานๆ ไม่ต้องเคี้ยวนะ กลืนลงไปเลย แล้วดื่มน้ำตาม เขาไม่ให้ผสมกับน้ำ และห้ามคนแพ้อาหารทะเลทาน ( มีส่วนผสมของไคโตซาน )

ทานแล้วก็ทิ้งไว้สัก 20 - 30 นาที นั่งพักสักแป๊บให้ออกซิเจนมันทำงาน แล้วจะรู้สึกเย็นๆ ในหัวไม่รู้คิดไปเองรึเปล่านะ สมองมันจะโล่งๆ ไม่ปวด ไม่อื้อ รู้สึกดีขึ้น สดชื่น เราทำงานต่อได้เลย ได้อีกยาวๆ เลยไม่ง่วงไม่เพลีปกติถ้าทำงานดึกๆ ยิ่งเกิน 10 - 12 ชั่วโมงมาแล้วรู้สึกได้เลยว่าสมองล้ามาก คิดอ่านอะไรก็อืดๆ จะเริ่มปวดหัวตื้อๆละ หายใจไม่ค่อยออก ( เพราะเราเป็นภูมิแพ้ ) แต่พอทานแล้วมันดีขึ้น

าจะทานเฉพาะวันที่รู้สึกอ่อนล้าแบบสุดๆแต่ก็ยังต้องทำงานต่อไปปกติถ้าทิ้งงานแล้วไปนอนก็นอนไม่หลับ มันจะกระสับกระส่าย ต้องกลับมาทำงานต่อจนเสร็จแต่ถ้าดื่มกาแฟมันจะตื่นแค่ตัว สมองมันจะงงๆ เบลอๆ กินมากๆ เราจะมือสั่น ใจสั่น แต่ตัวออกซิเจนไม่เป็นแบบนั้น มันให้ผลต่างออกไปคือเราทำงานต่อได้ตัวตื่น สมองตื่น แต่พองานเสร็จเข้านอนก็นอนหลับสนิทปกติดีซึ่งบางทีอะพอสมองมันตื่นแล้วมันจะไม่หลับแล้วนะ ถ้าดื่มคาเฟอีนจะนอนไม่หลับจนกว่าจะหมดฤทธิ์ของคาเฟอีน แต่พอหมดฤทธิ์คาเฟอีนก็สลบเหมือนแบตหมดเลย มันล้า มันเพลียไปเลย

รูปภาพ:

ข้อมูลเพิ่มเติมของ ( สรรพคุณ )

' Eating Oxygen '

คือทานได้ทุกวันเหมือนอาหารเสริมทั่วไป เพื่อนบอกว่าจะหาได้ที่แผนกกีฬา ( ของห้างที่ประเทศญี่ปุ่น )

เพราะนักกีฬาต้องการออกซิเจนในการฟื้นฟูร่างกายหลังการออกกำลังกาย

นี่ขนาดเรานั่งทำงานเฉยๆ ยังล้าเหมือนวิ่งผ่านเขามาร้อยลูก ยิ่งถ้าทำงานในห้องปิดไม่มีอากาศถ่ายเทจะรู้สึกเสียพลังงานไปไวมาก ส่วนตัวก็เป็นคนออกกำลังกายนะ พอรู้มาบ้างแหละว่าออกซิเจนสำคัญมากทั้งกล้ามเนื้อและสมอง

ถ้าออกซิเจนที่เลี้ยงกล้ามเนื้อไปเลี้ยงสมองไม่พอ จะทำให้สมองเป็นอัมพาตได้

เราเคยมีอาการวูบ นอนไม่หลับ ปวดหัว อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ อาการเหล่านี้อาจจะเกิดจากออกซิเจนในกระแสเลือดไม่เพียงพอ เป็นอีกสาเหตุที่เราเองก็คาดไม่ถึง

เราเคยไปปฏิบัติธรรมหลวงพ่อท่านให้เราฝึกหายใจ แล้วบอกว่าอาการที่เราเป็นอยู่จะค่อยๆ หายไป นั่นเพราะเรายังหายใจไม่ถูกวิธีนั่นเอง เราว่ามันคงเป็นตรรกะเดียวกัน

แต่การทานวิตามินไม่มีผลต่อการรักษาโรคนะ เอาจริงๆ เรื่องสุขภาพไว้ใจหมอเถอะค่ะ แต่ถ้าต้องการตัวช่วยแบบด่วนๆ ลองหาอาหารเสริมดีดี ช่วยเสริมในส่วนที่ร่างกายต้องการมากเป็นพิเศษ และหลีกเลี่ยงพวกคาเฟอีนดีกว่า ( คหสต.นะ )  ถ้ารู้สึกมีอาการผิดปกติทางร่างกาย หรือรู้สึกว่าป่วยให้รีบไปพบแพทย์เลยค่ะดีที่สุด

ยังไงการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ ( ถูกวิธี ) และพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุด

ส่วนตัวไม่ค่อยทานบ่อย ราคาค่อนข้างสูง อาศัยปรับพฤติกรรมตัวเองดีกว่า สุขภาพแข็งแรงทั้งตอนนี้และในระยะยาว