พุงปลิ้น ใส่อะไรก็อ้วน '10 วิธีโกงร่างกาย เบิร์นไขมันหน้าท้องเร่งด่วน #ไม่ง้อดูดไขมัน!
เผลอตามใจปากไปหน่อย มารู้ตัวอีกทีตอนใส่เสื้อครอปไม่ได้แล้วน่ะแหละ พุงปลิ้นมากเวอร์! (แต่จริงๆ ใส่อะไรก็ดูอ้วนอะตอนนี้ TT^TT) งั้นเรามาใช้ทริค Hack ระบบร่างกายนิดๆ หน่อยๆ กันดีกว่า เหมือนไม่ได้ทำอะไรเยอะ แต่พุงลดจริง ผอมจริง!!
เผยแพร่: 11 ก.ย. 2563 14:30 น.
Views: 24,224
รหัสบทความ: 78887
ทักทายค่าา สาวๆSistaCafeที่อยากหุ่นดีทุกคน ( ´ ∀ `)ノ~ ♡ผู้หญิงกับของกิน เป็นของคู่กันแบบแยกจากกันไม่ได้! จึงไม่แปลกที่สาวๆ หลายคนเผลอตามใจปาก กินของหวานของทอด มื้อดึกต่างๆ จนรู้ตัวอีกทีน้ำหนักก็พุ่งทะยาน หน้าท้องที่เคยแบนราบเรียบก็เริ่มมีไขมันสะสม ป่องออกมาจนต้องบ๊ายบายเสื้อครอปไปยาวๆคำถามคือ รู้ตัวแล้วว่าอ้วน แต่จะเอาไขมันหน้าท้องออกเฉพาะส่วนยังไงดี? อยากหุ่นดีไวๆ แต่ก็ไม่อยากไปดูดไขมันอะ น่ากลัวววว T T
ความเป็นจริงทางการแพทย์เลยก็คือ มันทำไม่ได้ค่ะซิส!การลดไขมันเฉพาะส่วนไม่มีอยู่จริง ถ้าอยากกู้คืนหน้าท้องแบนๆ ก็ซึ่งมาจากการคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างถูกต้อง และต้องทำต่อเนื่องนานพอที่ร่างกายจะเอาไขมันส่วนเกินออกมาใช้ด้วยแต่จะทำยังไงนี่สิ??
ในบทความนี้ เราจะพาสาวๆ ไปรู้จัก10 วิธี Hack ร่างกาย เล่นกับระบบร่างกายของเราให้ ' เบิร์นไขมันหน้าท้อง ' ออกมาใช้โดยด่วนที่สุดเพียงทำตามวิธีด้านล่างนี้ หน้าท้องของเธอจะแฟ่บลงๆ จะลืมไปเลยว่าเคยพุงป่องอย่างแน่นอน!!ต้องทำยังไงบ้างนั้น เราไปดูกันเลยดีกว่าค่า
1. กำหนดปริมาณแคลอรี่ที่จะลด 'เป๊ะๆ' ต่อวัน
หากปกติเธอเป็นคนกินไม่คิด กินไปเรื่อยๆ กินทั้งวัน ก็ไม่แปลกที่น้ำหนักจะพุ่งพรวด เพราะเธอกินเกินแคลอรี่ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันยังไงล่ะ!ถ้าอยากลดไขมันหน้าท้องอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ' กินตามจำนวนแคลอรี่ที่' พอดีกับร่างกาย 'ไม่ต้องกินโลว์คาร์บ ลดไขมันใดๆ แค่ลดจำนวนแคลอรี่ที่เคยกินเกินๆ ไปเท่านั้นก็พอตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว แคลอรี่คือหน่วยหนึ่งของพลังงานที่ร่างกายได้รับจากอาหาร ร่างกายแต่ละคนก็เผาผลาญแคลอรี่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดร่างกาย อายุ เพศ และกิจกรรมในแต่ละวันหากอยากผอมเร็ว ก็ต้องกินให้น้อยกว่าเอาออก ( Cal in < Cal Out ) ในทุกๆ วันแนะนำให้เริ่มจาก' กำหนดแคลอรี่ที่จะลดต่อวัน ' เริ่มแรกควรลดลงแค่ 500 แคลอรี่ต่อวันก่อน จะได้ไม่โหยเกินโดยใช้สูตรน้ำหนักเป็นปอนด์ ( ถ้าเป็นกิโลก็ X2 ) แล้วคูณ 12 จะได้ปริมาณที่เธอควรกินต่อวันเพื่อลดน้ำหนักแต่ละคนจะได้ตัวเลขไม่เหมือนกัน และตั้งเป้าว่าจะกินตามจำนวนแคลอรี่นั้นในทุกๆ วันค่ะ
Ex : น้ำหนัก 60 กก. ( ประมาณ 120 ปอนด์ ) x 12 = ควรกิน 1,440 แคลอรี่ต่อวัน
2. กินช้าๆ เคี้ยวช้าๆ อย่างอดทน เลิกนิสัยกินแหลกได้แล้ว!
ปกติสาวๆ ที่อยากไดเอทมักจะคิดว่า
" อยากผอม ก็แค่กินให้น้อยลงก็พอแล้วป้ะ จะไปยากอะไร? "
แต่ร่างกายเรามันฉลาดกว่านั้นเยอะ โดยเฉพาะระบบการเบิร์นไขมันค่ะ!
การบังคับร่างกายตัวเอง ให้เผาผลาญไขมันสะสมนั้น ที่จริงมันก็ทำได้แหละ แต่มันมีผลข้างเคียงแน่นอน เช่น อ่อนเพลีย รู้สึกไม่มีแรง หากกินอาหารจานเล็กลงแต่กินเร็วแป๊บเดียวหมด ร่างกายก็จะบังคับให้รู้สึกโหยหิวอย่างมากดังนั้นต้องปรับวิธีการกินใหม่ทั้งหมด เป็น' กินให้ช้าลง เคี้ยวให้มากขึ้น และต้องรู้จักอดทน!! 'มีงานวิจัยรองรับว่า การกินช้าลง จะทำให้เราอิ่มนานและมีความสุขมากขึ้น ไม่อยากกินจุกจิกหลังมื้ออาหารเวลาเรากินอะไรเข้าไป กระเพาะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อส่งต่อความรู้สึก ' อิ่ม ' ไปยังสมอง จึงเป็นสาเหตุที่ว่า คนกินเร็วจะกินเยอะกว่าปกติ ทำให้อ้วนง่ายกว่าคนกินช้านั่นเองค่ะ และกว่าร่างกายจะย่อยพลังงานเพื่อดูดซึมไปใช้จริงๆ น่ะ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงเลยนะ!ดังนั้นบางคนถึงกินอาหารหมดแล้ว ก็ยังรู้สึกหิวอยู่ เป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอหิวจริงๆ เป็นแค่ความรู้สึกตกค้างเท่านั้น ขอให้อดทนรอให้เวลาผ่านไปก่อนแล้วเธอจะค่อยๆ คลายหิว และอิ่มท้องเองในที่สุดค่ะ
3. เพิ่ม 'โปรตีน' ในมื้ออาหารให้มากกว่านี้!
อย่างที่สาวๆ สายฟิตเนสรู้กันว่า
' โปรตีน '
คือ
อาหารสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยลดน้ำหนักไปด้วยในเวลาเดียวกัน! หากเธอเคร่งครัดกับจำนวนแคลอรี่ที่กินในทุกมื้อ ตามหลักแล้วไขมันหน้าท้องจะค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ
แต่ก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่กินเข้าไปด้วย หากกินโปรตีนเยอะ ( หรือที่เรียกว่า กินถึง ) ก็จะผอมได้เร็วขึ้น
โดยปกติแล้ว คนที่กินโปรตีนมากขึ้น จะรู้สึกอิ่มท้องนาน และมีแนวโน้มจะกินแคลอรี่น้อยลงต่อวัน หากกินในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อสลาย เร่งการเผาผลาญของไขมันอีกด้วย
ซึ่งแต่ละคนจะต้องการจำนวนโปรตีนไม่เท่ากัน แต่หลักๆ แล้วควรกินไม่ต่ำกว่า 40-50 กรัมในทุกวัน
ซึ่งอาหารจำนวนโปรตีนก็มีมากมายให้เลือก เช่น
ไข่ เนื้อ นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ โยเกิร์ต เนยถั่ว เต้าหู้
เป็นต้น แค่ไม่กินเกินแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการ ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ
4. เลื่อนเวลากิน 'มื้อแรกของวัน' ให้สายกว่าเดิมสักนิด
ปัจจุบันนี้ การอดอาหารเป็นช่วงเวลา หรือ
Intetmittent Fasting ( IF )
ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป อธิบายง่ายๆ ก็คือ
การอดในช่วงเวลาหนึ่ง และกินอาหารให้ครบที่ร่างกายต้องการในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งระหว่างอดห้ามกินอะไรที่มีแคลอรี่เลย ยกเว้นน้ำเปล่า ชาเขียว และกาแฟดำ โดยส่วนใหญ่นิยมกินแบบ 16/8 คือกินในช่วง 8 ชั่วโมง และอด 16 ชั่วโมง
การกินแบบนี้จะไปเล่นกับระบบร่างกาย ให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บไว้ออกมาใช้มากขึ้น รวมถึงช่วยลดน้ำหนัก ปรับสภาพอารมณ์ให้มั่นคงขึ้น มีแรงทำงาน มีสมาธิมากขึ้นด้วย
ดังนั้นถ้าอยากผอมไว ลองเลื่อนเวลามื้อเช้าให้นานขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย หลังตื่นนอน 2-3 ชั่วโมง เธอจะเผาผลาญไขมันได้ดีกว่าตื่นแล้วกินมื้อเช้าทันทีเลย และที่น่าตกใจคือ การไม่กินนั้น จะรู้สึกหิวน้อยกว่ากินน้อยๆ แต่กินบ่อยๆ ซะอีกค่ะ ( อันนี้จริงเด้อ คนเขียนพิสูจน์มาแล้ว )
5. ออกกำลังกายประเภทเวท ให้กล้ามเนื้อแกนกลาง (Core) แข็งแรงยิ่งขึ้น
เราบังคับร่างกายให้เผาผลาญไขมันเฉพาะสวนโดยตรงไม่ได้ แต่การสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกายก็จำเป็น เพราะถึงจุดนึง ไขมันหน้าท้องก็จะถูกเผาผลาญ และหากมีกล้ามเนื้อเยอะ มันก็จะยิ่งเผาไขมันได้เยอะขึ้น ไวขึ้น!
ดังนั้นเตรียมตัวไว้ก่อนจะดีกว่า
สาวๆ ควรออกกำลังกายบริหารช่วงหน้าท้อง และกล้ามเนื้อแกนกลางร่างกาย ( core muscles ) อย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อให้เกิดกล้ามเนื้อที่ช่วงกลางของลำตัว
เมื่อไขมันเริ่มถูกเผาผลาญ หุ่นของเธอจะกระชับ เข้ารูปกว่าไม่ออกกำลังกาย โดยการออกกำลังกายที่อยากแนะนำก็เช่น การแพลงก์, ซิทอัพ, ยาขาขึ้นแล้วเกร็งกล้ามเนื้อ, ใช้ล้อบริหารกล้ามท้อง ( Ab Wheel roll outs )
ไม่ต้องออกเยอะจนหืดขึ้นคอ แค่ทำ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 20 ครั้ง ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ ก็ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้พร้อมอวดสายตาเพื่อนๆ เมื่อหุ่นของเธอเข้าที่แล้วนั่นเอง
อย่าลืมท่าโพสลงไอจีไว้ให้พร้อมน้า หุ่นดีมาหาแน่นอนค่า ♡ ~('▽^人)
6. ออกกำลังกายแบบ 'คาร์ดิโอ' ให้ถูกประเภท ไขมันยิ่งลงไว!
จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่
ถ้าอยากจะแค่' ลดน้ำหนัก 'จริงๆ การออกกำลังกายไม่ใช่สิ่งสำคัญขนาดนั้น คือจะทำหรือไม่ก็ได้ เพราะในที่สุดแล้ว มันอยู่ที่อาหารที่กินเข้าไปซะเกือบ 80-90%
คือถ้ากินตามแคลอรี่ที่พอเหมาะกับร่างกาย ยังไงไขมันก็จะถูกกำจัดทิ้งไปแน่นอน แค่จะเร็วหรือช้า อยู่ที่ร่างกายแต่ละคนค่ะ
แต่ถ้าต้องรีบใช้หุ่นด่วนๆ การออกกำลังกายประเภท ' คาร์ดิโอ ' ก็เป็นตัวเร่งที่จะช่วยขจัดไขมันส่วนเกินได้ไวขึ้น เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ
ที่จริงถึงจะไม่อยากผอม ก็ควรออกกำลังกายให้สุขภาพดี ไม่ป่วยง่าย โดยคาร์ดิโอ จะมีประเภทให้เลือกทำดังนี้
- LISS ( Low Intensity Steady State ) :
อธิบายง่ายๆ คือ
การออกกำลังแบบความเข้มข้นต่ำแต่คงที่ เช่น เดินเล่น เดินบนลู่ หรือวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ ซึ่งช่วยเผาผลาญไขมันได้เรื่อยๆ โดยไม่เหนื่อยหรือหิวจนเกินไป
แต่ข้อเสียคือถ้าเดินนานเกินไปอาจจะเบื่อ และทำไม่ต่อเนื่องได้ แนะนำให้หาหนังดูระหว่างเดิน หรือฟังเพลง ฟัง podcast ก็จะทำให้การเดินสนุกขึ้นแล้วค่ะ
- HISS ( High Intensity Steady State ) :การออกกำลังแบบเข้มข้นสูงแต่คงที่ เช่น การวิ่งระยะไกล ข้อดีคือเบิร์นไขมันได้ดีกว่า LISS แต่เหนื่อยและใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายนานกว่ามากเมื่อทำเสร็จมักจะหิวโซสุดๆ ถ้าคุมตัวเองไม่ได้อาจตบะแตก กินเยอะกว่าเดิมซะอีก
- HIIT ( High Intensity Interval Training ) :การออกกำลังกายแบบนี้เป็นที่นิยมในหมู่สาวออฟฟิศที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะความเข้มข้นสูง แต่ใช้ระยะเวลาแค่สั้นๆ เช่น การทำ T25 , วิ่งเร็วสลับเดินบนลู่วิ่ง, ทำซิทอัพ ดันพื้น สควอทต่อเนื่องกันเป็นเซ็ตในเวลาไม่กี่นาที เป็นต้น ข้อดีคือเผาผลาญแคลอรี่ได้เยอะมากๆ และทำให้ร่างกายแข็งแรง แม้ใช้เวลาไม่นานแต่ข้อเสียคือเหนื่อยมาก และอาจหิวโซสุดๆ หลังทำเสร็จ เสี่ยงตบะแตกได้**การคาร์ดิโอแต่ละประเภทก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ถ้าอยากเบิร์นไขมันเร็วๆ ประเภทที่เหมาะสมที่สุดคือ LISS หรือ HIIT ค่ะ (◕‿◕)♡
7. เลือกกินอาหารที่ทำให้ 'อิ่มนาน' มากขึ้น
การจะกินอาหารให้ครบตามจำนวนแคลอรี่ที่ตั้งไว้ มันไม่ยากหรอก แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะมันขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่กินด้วย!
สาวๆ บางคนกินแคลอรี่ไม่เกินก็จริง แต่ยัดแต่ขนมถุง น้ำหวาน แป้งขาวขัดสี แป๊บเดียวก็กลับมาหิวอีก เพราะไม่มีไฟเบอร์ ดูดซึมไว ไม่ค่อยมีสารอาหาร แถมเพิ่มไขมันใหม่เข้าไปในร่างกายอีก เสี่ยงอ้วนกว่าเดิมด้วย
ดังนั้นใครที่กินแบบนี้อยู่ ต้องเปลี่ยนชนิดอาหารที่กินด่วนๆ ค่ะ!
ประเภทอาหารที่เราแนะนำคือ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีไฟเบอร์สูง ใช้เวลาย่อยช้า ทำให้อิ่มนาน ไม่มีไขมันแย่ๆ ตกค้างกับร่างกาย เช่น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ( ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง มันหวาน ), โปรตีนแบบลีน ไม่มีไขมัน ( อกไก่ ไก่งวงลอกหนัง )ก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น เติมพลังงานได้ดีก่อนไปออกกำลังกายด้วยล่ะค่ะ ต่อไปถ้ารู้สึกหิว ให้กินอาหารเหล่านี้ก่อน แล้วเธอจะอิ่มแบบไม่ต้องรู้สึกผิดอีกเลย
8. สลับวันกินอาหารเต็มที่ กับวันไดเอทเข้มงวด ให้ร่างกายเผาผลาญอยู่เสมอ
จะว่าเป็นการเล่นกับระบบร่างกายตัวเองก็ได้!
หากเพิ่งเริ่มลดความอ้วนแรกๆ อย่าเพิ่งใช้วิธีนี้ ให้เวลาผ่านไปสักพัก จนเปอร์เซนต์ไขมันในร่างกายลดลงก่อน เธอต้องเริ่มปรับวิธีการกินใหม่ ให้ร่างกายได้พักผ่อน มีวัน Cheat Day บ้าง
วันกินเยอะบ้าง วันกินน้อย วันอดบ้าง สลับกันไป
ไม่งั้นร่างกายจะเคยชิน และเกิดเหตุการณ์น้ำหนักค้าง ( Hit the plateau ) อย่างแน่นอน!
การลดไขมันที่ยั่งยืน ต้องค่อยเป็นค่อยไปในระยะยาว หากเลือกอดอาหารตั้งแต่แรก อาจผอมลงจริง แต่เป็นร่างกายที่เหี่ยว ย้วย และพร้อมอ้วนเหมือนเดิมตลอดเวลา เพราะเซลล์ไขมันยังอยู่ครบ
ดังนั้นควรใช้วิธีสลับวันกินโหด กับวันกินน้อย เช่น เริ่มแทรกวันที่กินเยอะกว่าเดิม 500 แคลอรี่เข้าไป 1 วัน/สัปดาห์ จะช่วยฟื้นฟูระบบพลังงานในร่างกาย กระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานดียิ่งขึ้นค่ะ
หลังจากนั้น ก็สลับไปช่วงกินเยอะ ต่อเนื่องกัน 2-4 สัปดาห์ โดยกินแคลอรี่มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ( น้ำหนักแบบปอนด์ ( หน่วยกิโลกรัม x2 ) x15 จะได้จำนวนแคลอรี่ต่อวัน ) กินขนมของทอดบ้างก็ได้
เพื่อฟื้นฟูระบบร่างกายให้กลับมากระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น
ถ้าลดน้ำหนักถึงจุดนึงแล้ว การกระตุ้นร่างกายด้วยการกินมากขึ้น ( แบบมีหลักการนะ ไม่ใช่ยัดซะวันละ 3000 แคลอรี่ - - ) จะยิ่งทำให้น้ำหนักลดมากกว่าอดอย่างต่อเนื่องเสียด้วยซ้ำมีงานวิจัยออกมาแล้วด้วยว่าวิธีนี้ช่วยลดไขมันได้จริงในระยะยาวค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องกลัวกลับมาอ้วนเด้อ
9. นอนหลับพักผ่อนให้มากขึ้น (จะให้ดี ก็ควรนอนให้พอ!)
หากคิดจะลดน้ำหนัก สิ่งหนึ่งที่สาวๆ ห้ามมองข้ามคือ' ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ 'เพราะการอดนอนจะทำให้เครียด ฮอร์โมนไม่สมดุล มีส่วนทำให้หิวมากขึ้น น้ำหนักไม่ลดลงได้ ยิ่งอดนอนนานๆ การควบคุมตัวเองจะน้อยลงเรื่อยๆนั่นหมายถึง เราจะอารมณ์เสียง่ายขึ้น อดทนได้น้อยลง หากเราอยากกินอะไรสักอย่าง ถ้านอนพอเราอาจข่มใจได้ แต่คนอดนอนจะตรงไปซื้อกินทันที จึงเสี่ยงอ้วนกว่าคนทั่วไปมากๆ ค่ะพยายามนอนหลับพักผ่อนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงทุกวัน ถ้าวันไหนต้องตื่นเช้าก็ต้องนอนแต่หัวค่ำ ปรับพฤติกรรมการนอนใหม่ ถ้าเป็นคนหลับยากก็ลองปิดม่านในห้องให้มืดๆ เลิกเล่นคอม มือถือ ดูทีวีก่อนนอนเพราะแสง blue light มีส่วนให้หลับยาก ให้หาหนังสือมาอ่านเล่นแทน รับรองว่าเธอจะหลับสนิทได้ดีกว่าเดิมแน่นอน
10. จดบันทึก ติดตามผลทุกอย่างที่ทำอย่างเคร่งครัด
การลงมือทำจริงน่ะมันก็ดี แต่ก็เหมือนการทำงานในออฟฟิศนั่นแหละค่ะ ถ้าไม่จดบันทึกไว้ บางทีเราก็ลืมว่าทำอะไรไปบ้าง จึงควรมีแอพ หรือสมุดบันทึกจดการเคลื่อนไหวไว้ตลอดว่าในวันวันหนึ่ง เรากินอะไร ออกกำลังกายแบบไหน จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องจดให้ครบ ในอีกแง่คือถ้าน้ำหนักไม่ลง เราจะสืบหลักฐานย้อนกลับไปได้ทันทีว่าเกิดจากอะไร ไม่มโนเอาเองเช็คตัวเองทุกครั้งว่ากินแคลอรี่ถึงเป้าหมายทุกวัน ( กินน้อยเกินไปก็ใช่ว่าน้ำหนักจะลดนะ ต้องน้อยลงแบบพอดีๆ ด้วย ) หากจดบันทึกอาหาร พยายามจดจำนวนแคลอรี่ให้แม่นยำที่สุด หากเป็นอาหารจานเดียวที่กะยาก ก็ใช้วิธีแยกส่วนผสมหลักๆ ออกมาเช่น ข้าวไก่ทอดใส่ไข่ ก็แยกเป็นข้าวสวย ไก่ทอด ไข่ แล้วบวกแคลอรี่ทั้งหมดรวมกัน หากมีซอสราดอย่างซีอิ๊ว แจ่ว ซอสเทริยากิ ก็ต้องนับด้วยเช่นกัน เพื่อความถูกต้องที่สุดเนอะ
การหลงลืมจดแคลอรี่เล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวัน เช่น เผลอกินโดนัทไปหนึ่งคำ เผลอกินขนมไปหนึ่งถุง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไขมันหน้าท้องไม่ลดเท่าที่ควรเป็นก็ได้
ดังนั้นข้อดีของมันคือ ระหว่างเขียนจะได้ทบทวนตัวเอง เรียกสติตัวเองด้วยนั่นเองค่ะ
----------------------------จบแล้วววว ความรู้อัดแน่นมากเวอร์ ( นึกว่าแปลตำราไดเอทแล้วเนี่ย ) แต่ทุกข้อมีประโยชน์ ใช้ได้จริงแน่นอนเราตั้งใจแปลเพื่อให้สาวๆ ที่กำลังกังวลกับน้ำหนัก ได้ลองทำตามทุกข้ออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เราเข้าใจว่าคนที่เคยใส่เสื่อผ้าสวยๆ ได้ อยู่ดีๆ พุงป่อง คงเสียความมั่นใจในตัวเองไปมากทีเดียว จึงอยากให้พวกเธอกอบกู้หุ่นเดิมคืนมาให้ได้โดยไว ขอแค่มีวินัย สาวซิสทำได้แน่นอน สู้!!วันนี้ก็ขอตัวไปก่อนแล้วน้า เจอกันใหม่คราวหน้าค่า บ๊ายบายยย