ต้อนรับเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการเป็นช่วงเดือนที่มีทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศและแหล่งรวมเทศกาลหรือวันสำคัญมากมายในช่วงนี้ และยิ่งกว่านั้นคือแม้ว่าจะรู้สึกร้อนบ้างในช่วงกลางวันแต่พอกลางคืนก็เย็นสบายจนแทบต้องสวมใส่เสื้อกันหนาวบางๆ กันเลยทีเดียว จะเดินเล่น กิน ชิว ก็ไม่เป็นปัญหาต่อไปมากเท่าไร่แถมแพลนเที่ยวก็เต็มตารางกันแทบทุกคนพอเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวหลายคนเริ่มออกไปใช้ชีวิตด้านนอกมากยิ่งขึ้น เพราะนานๆ ทีอากาศจะเป็นใจกัน แต่บางครั้งเที่ยวเพลินจนรับอันตรายบางอย่างเข้ามาสู่ร่างกายช่วงฤดูหนาวแม้ดูไม่หนาวมากแต่ก็นำพาโรคภัยไข้เจ็บมาแพร่สู่เราได้อย่างเช่น ไข้หวัด เป็นต้น แต่นอกจากจำพวกโรคแล้วยังมีภาวะภัยเงียบที่หลายคนหลงลืมจากการใช้ชีวิตแบบไม่รู้ตัวคือการเกิด‘ ภาวะหนาวใน ’ขึ้นมา ซึ่งการเกิดภาวะเช่นนี้สามารถเป็นได้แทบกับทุกคนเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวหรืออยู่ในที่ที่อากาศเย็น ฉะนั้นแล้วเรามาทำความรู้จักกับภาวะหนาวในว่าคืออะไร แล้วสามารถปรับสมดุลร่างกายได้อย่างไรกันเลยดีกว่า

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

รู้จักกับ ภาวะหนาวใน ลมหนาวมาแล้วต้องระวัง !

รูปภาพ:

เมื่อลมหนาวพัดผ่านร่างกาย แม้กระทั่งช่วงพายุเริ่มเข้า หรืออยู่ในที่ที่อากาศเย็นเกินกว่าปกติเป็นเวลานาน จะเริ่มแสดงประเภทอาการหนาวสั่นสะท้านเข้ากระดูก มือและเท้าเย็นจัด ปากเขียว มือเขียว เหมือนเลือดไหลเวียนไม่ดี และเมื่อมีอาการหนาวในเป็นประจำ ก็จะทำให้เกิดอาการปวดหลังชา ขัดข้อสะโพก มีจ้ำเขียวตามร่างกายได้ง่าย เป็นไข้ทับระดูทุกครั้งที่มีประจำเดือน มีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว เป็นต้น ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไรและมีลักษณะอาการแตกต่างกันไปในแต่ละคนหรือไม่ ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนเป็นมากก็อาจมีอาการปวดหน่วงท้องน้อยจนถึงมดลูกอักเสบเป็นบางราย ซึ่งเกิดจากการที่ไม่ได้รักษาตั้งแต่เริ่มต้นเนื่องจากไม่คิดว่าเป็นอาการของโรคและอาการหนาวใน หรือ“ภาวะหนาวใน”สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกวัยโดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ไฟหลังคลอด เพราะตามตำราแพทย์แผนไทยเชื่อว่าการคลอดลูกนั้นจะทำให้สูญเสียความร้อนในร่างกาย เสียธาตุไฟ ทำให้ร่างกายขาดความสมดุลย์ และยังสามารถเกิดขึ้นในผู้สูงอายุที่กำลังจะหมดประจำเดือนได้ด้วยหรือหมดประจำเดือนไปแล้ว ทั้งผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมาน้อย เป็นไข้ทับระดู มาไม่ตรงวัน ปวดประจำเดือนรุนแรง หรือมีลักษณะของประจำเดือนที่มีสีคล้ำ เป็นก้อน เป็นลิ่ม เป็นต้น ฉะนั้นแล้วภาวะหนาวในนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงจะรู้สึกหนาวง่ายและมีอาการมากกว่าคนทั่วไปนั่นเอง

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

เกิดภาวะหนาวในบ่อยๆ สามารถบ่งบอกโรคได้

1. รูปร่างผอมบางเกินไป

ลองสังเกตตัวเองหรือคนรอบข้างที่มีลักษณะน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะสามารถส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถสร้างความอบอุ่นได้เพียงพอให้กับตัวเอง จนทำให้รู้สึกว่าหนาวง่ายหรือขี้หนาวสุดๆ อีกอย่างเมื่อเราผอมมากเกินไปเพราะไม่ค่อยได้กินอาหารก็ยิ่งลดปริมาณประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย จนความร้อนในกระบวนการเผาผลาญไม่เกิดขึ้น ดังนั้นแล้วคนที่ตัวผอมบางจึงมักจะรู้สึกหนาวง่ายหรือหนาวตลอดเวลา เมื่อสำผัสกับอากาศเย็นแม้เพียงเล็กน้อยหรือเป็นการสัมผัสนานๆ

2. ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ

อาการที่หนาวเป็นพักๆ หรือเป็นช่วงๆ จนสั่น รวมไปถึงมีอาการผมเริ่มร่วงและบาง ผิวเริ่มแห้งมากยิ่งขึ้น แถมยังรู้สึกอ่อนเพลียร่วมด้วย ลักษณะอาการเช่นนี้อาจเข้าข่ายภาวะขาดไทรอยด์ ซึ่งเป็นอาการที่ต่อมไทรอยด์ไม่หลั่งไทรอยด์ฮอร์โมนออกมาในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย จนส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ความร้อนในร่างกายจึงลดลดลงไปด้วย

3. ขาดธาตุเหล็ก

เพราะธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงที่มีหน้าที่ในการช่วยขนส่งออกซิเจนเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดแดง ที่เป็นตัวนำพาความร้อนและสารอาหารที่สำคัญเข้าสู่กระบวนการทำงานของเซลล์ทุกแขนงในร่างกายนั่นเอง ดังนั้นเมื่อร่างกายของเราหากขาดธาตุเหล็กไป กระบวนการดังกล่าวก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้ความอบอุ่นในร่างกายลดน้อยลงได้

4. ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี

สำหรับคนที่มักจะมือเย็นเท้าเย็นบ่อยๆ แต่ร่างกายโดยรวมไม่ได้ผิดปกติอะไร โดยกรณีนี้แพทย์หญิงนิวยอร์กได้วินิจฉัยว่า อาจเกิดจากระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายของเราทำงานไม่ปกติ โดยการทำงานนั้นไม่สามารถไหลเวียนเลือดได้สะดวกไปทั่วทั้งร่างกาย หรืออาจจะมีภาวะของโรคหลอดเลือดอุดตันต่ำตามตำแหน่งต่างๆ ที่อาจจะขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังมือและเท้าได้นอกจากนี้ยังมีโรคเรย์นอยด์ (Raynaud’s Disease) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดบริเวณมือตีบ ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่ดี ทำให้เกิดอาการชาบริเวณนิ้วมือร่วมกับอาการนิ้วมือนิ้วเท้าเย็นตามมาด้วย

5. พักผ่อนไม่เพียงพอ และดื่มน้ำน้อยเกินไป

การนอนหลับที่ไม่เพียงพออาจส่งผลให้สารเคมีในสมองรวมไปถึงระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติได้ ซึ่งก็นับเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง รวมทั้งอาการหนาวง่ายก็เป็นผลพวงที่ตามมาด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต้องพยายามพักผ่อนให้เพียงพอไว้ก่อนดีกว่า

น้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายมากกว่า 60% และยังมีหน้าที่สำคัญที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติ โดยนักโภชนาการได้ให้ข้อมูลว่าร่างกายที่ไม่ได้รับน้ำสะอาดเพียงพอ สามารถเกิดได้ทั้งภาวะอุณหภูมิที่ร้อนจัดและเย็นจัดได้ เนื่องจากภาวะการขาดน้ำนั้นจะทำให้ระบบการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายแปรปรวนรวมไปถึงเมื่อขาดน้ำระบบเผาผลาญก็ทำงานไม่สะดวกร่วมด้วย

6. ขาดวิตามินบี 12

วิตามินบี 12 มีหน้าที่หลักๆ คล้ายกับการทำงานของธาตุเหล็กตรงที่ช่วยกันลำเลียงออกซิเจนเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งเมื่อหากร่างกายไม่ได้รับวิตามินบี 12 ที่พอเพียง ก็อาจจะทำให้หลอดเลือดแดงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเมื่อการไหลเวียนของเลือดติดขัดก็จะรู้สึกหนาวง่ายบวกกับมีอาการเหน็บชาบ่อยๆ อีกด้วย ซึ่งวิตามินบี 12 สามารถรับได้จากอาหารประเภทปลาและผลิตภัณฑ์จากนมนั่นเอง

7. พบบ่อยในเพศหญิง

อาการหนาวง่ายก็ขึ้นอยู่กับเพศสภาพด้วยเช่นกัน เพราะเพศหญิงจะถูกกำหนดให้ต้องการความอบอุ่นในร่างกายมากกว่าเพศชาย ด้วยเหตุนี้กลไกร่างกายของผู้หญิงจึงต้องคงความสมดุลของการไหลเวียนเลือดในสมองและหัวใจอย่างเต็มที่ ดังนั้นการไหลเวียนเลือดในส่วนประสาทมือและเท้าจึงถูกลดความสำคัญลงไป เป็นเหตุให้รู้สึกหนาวที่มือและเท้าสุดๆ เพราะด้วยเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาทจนทำให้หนาวสั่นไปทางร่างกายนั่นเอง

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

แนวทางการปรับสมดุลให้ร่างกาย

ระวังไม่ให้เสียสมดุลร่างกายมากเกินไปบ่อยๆ เลี่ยงการดื่มหรือเครื่องดื่มที่มีความเย็นหรือร้อนมากเกินไปในปริมาณมากๆ ควรเลือกดื่มประเภทอุณหภูมิห้องหรือประเภทอุ่นๆ และควรดื่มน้ำให้ได้มากกว่า 8-9 แก้วต่อวันร่วมด้วย❀รักษาและปรับสมดุลร่างกายได้โดยการบำรุงด้วยอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เลือกทานไขมันดีจากพืชหรือวิตามินบี 12 และหากมีภาวะเลือดจางต้องเน้นทานอาหารประเภทธาตุเหล็กสูง เลือกทานผลไม้ที่มีทั้งความชุ่มเย็นและความเผ็ดร้อน เช่นการเลือกทานสมุนไพรช่วยด้วย เช่น บัวบก พริกไทย เป็นต้น

รูปภาพ:

ควรรักษาน้ำหนักให้อยู่เกณฑ์มาตรฐานหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อยในหนึ่งสัปดาห์ออกประมาณ 3-4 วันก็เพียงพอ และออกวันละ 15-30 นาทีขึ้นไป ทั้งอย่าลืมการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงนั่นเอง❀หากเกิดอาการหนาวสั่นที่ผิดปกติหรือเข้าข่ายอาการของโรคร้าย ควรเข้าพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการรักษาอย่างรวดเร็ว

การรักษาภาวะหนาวใน ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย

รูปภาพ:

ขั้นแรกเรียกว่าการปลูกไฟธาตุ คือการใช้ยาร้อนปลูกให้ธาตุไฟทำงาน เนื่องจากภาวะหนาวใน หรืออาการหนาวใน มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดธาตุไฟมากเกินไป เราจึงควรปรับสมดุลธาตุในร่างกายก่อนเป็นอันดับแรกขั้นที่สองคือการบำรุงไฟธาตุโดยการใช้ยารสออกไปทางเปรี้ยว เน้นไปที่การฟอกเลือด และบำรุงเลือด เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้นขั้นสุดท้ายคือการใช้ยาร้อนที่สุด เพื่อช่วยขับโลหิตและของเสียออกจากร่างกาย เช่น เจตมูลเพลิง ว่านชักมดลูก เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายมีการขับของเสีย เช่น ประจำเดือนที่ตกค้างในร่างกายออกไปให้หมด ซึ่งอาจทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดช็อกโกแลตชีทต์ได้

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

อาการหนาวในหรือภาวะหนาวในนั้น เรียกได้ว่าเป็นอันตรายมากๆ เพราะสามารถบ่งบอกโรคภัยต่างๆ ที่อาจแทรกซ้อนได้จนทำให้เรานั้นไม่ทันระวังตัวคิดว่าเป็นอาการที่เกิดปกติกับร่างกายเมื่อปะทะเข้ากับอากาศเย็นเป็นเวลานาน ซึ่งใครที่ลองสังเกตอาการตัวเองว่าเมื่ออยู่ในที่อากาศเย็นมือเท้าจะเย็น ปากเขียว มือเขียว หนาวสั่นสะท้านเป็นประจำ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าเราเสี่ยงต่อโรคอะไรหรือไม่ หรือเพื่อเป็นการเช็กอาการเบื้องต้น นอกจากนี้จากการปรับสมดุลในร่างกายและเสริมจำพวกวิตามินบี 12 และธาตุเหล็กให้มากๆก็จำเป็นเพื่อให้ร่างกายนั้นได้รับอย่างเพียงพอ


บทความแนะนำ ที่ซิสไม่ควรพลาด