ต้อนรับเดือนกันยายน
เดือนที่ไม่มีวันหยุดเลย สำหรับชาวออฟฟิศอย่างเราจิตใจห่อเหี่ยวมากถึงมากที่สุด การทำงานแบบไม่ได้หยุดพักเลยทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเราอ่อนล้า โหยหาวันหยุด ยิ่งนับวันยิ่งนาน และสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ สัญญาณเตือนของการ
ทำงานหนักเกินไป
แบบไม่ได้หยุดพัก บางคนหยุด เสาร์-อาทิตย์ บางคนหยุดวันอาทิตย์วันเดียว บางคนทำงานเป็นกะ การจะออกไปเที่ยวหรือทำอะไรในวันหยุดอาจจะไม่เป็นดังใจนัก
ความรู้สึกเหนื่อยเกิดขึ้นได้ทั้งความเหนื่อยในระดับปกติ ที่เดี๋ยวก็หายเมื่อได้พัก หรือความเหนื่อยระดับมากที่เข้าขั้นBurnoutและมันขะข้ามาหาเราโดยไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเป็นคนบ้างานและก่อนที่เราจะรู้ตัว ก็เหนื่อยเกินกว่าจะสนใจตัวเองและแก้ไขความเหนื่อยนี้
วันนี้เราจะมาพาทุกคนมารีเช็กว่าตัวเองกำลังทำงานหนักเกินไปและต้องการเวลาพักหรือเปล่า ?
10 สัญญาณเตือนที่บอกว่าเรากำลัง ทำงานหนักเกินไป
ทำงานหนักเกินไป สัญญาณที่ 1.ขาดสมาธิ

เวลาที่เราขาดสมาธิเป็นอะไรที่น่ากลัวมากเพราะการจะทำอะไรให้สำเร็จนั้นยากมาก ๆ โดยเฉพาะกับเวลาที่เรามีหลายอย่างให้ต้องโฟกัสแต่กลับไม่สามารถหาจุดโฟกัสได้ ปัญหานี้ถ้าเกิดขึ้นบางวันก็สามารถจัดการได้แต่ถ้ามันเกิดขึ้นทุกวันล่ะ มันก็อาจจะจัดการได้ยากขึ้นถ้าเราปล่อยให้กลายเป็นเรื้อรัง
Tips เพิ่มสมาธิในการทำงาน1.แบ่งเวลางานออกเป็นช่วง ๆ และกำหนดเวลาที่ต้องทำงานและเวลาที่ให้ตัวเองพักผ่อน ในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ให้มุ่งมั่นทำงานโดยไม่มีสิ่งรบกวนทั้งโทรศัพท์ เสียงรบกวน2.พยายามทำงานในหนึ่งงานในเวลาเดียว หลีกเลี่ยงการทำงานพร้อมกันหลายอย่างเพราะจะทำให้สมาธิลดลง3.สร้างพื้นที่ทำงานที่เรียบร้อยและสะอาดเข้าไว้ เพื่อช่วยให้สมาธิความรู้สึกสงบและมีประสิทธิภาพ4.ใช้แอปพลิเคชันในการติดตามเวลาและการจัดการกับงาน เช่น To-do list, ปฏิทิน
5.ฝึกสมาธิเพิ่มความสามารถในการรับรู้และการตั้งใจ
6.พักผ่อนและการออกกำลังกายช่วยในการปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ ทำให้มีพลังงานและสมาธิที่ดีขึ้น
7.รับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น ผัก ผลไม้สด อาหารที่มีโปรตีนและไขมันดีต่อสมอง
8.ฝึกหายใจลึก ๆ ช่วยในการคลายความเครียด
ทำงานหนักมากเกินไป สัญญาณที่ 2. ไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้

บ่อยแค่ไหนที่เราจ้องมองหน้าจอว่างเปล่าเป็นเวลานานกว่าจะมีแรงจูงใจจะทำมัน? เรารู้สึกว่าแพชชั่นหรือไอเดียไม่มาสักที คิดอะไรก็ไม่ออก ไม่อยากทำแต่บางครั้งก็ต้องทำเพราะใกล้ถึงกำหนดแล้ว
ทำไมจึงยากที่จะทำงานให้สำเร็จ? เรารู้สึกเครียดหรือมีปัญหาอื่นที่ใหญ่กว่า เช่น ความเหนื่อย ปัญหาสังคม ปัญหาส่วนตัว เราอาจจะต้องทบทวนตัวเองและคอยสำรวจความรู้สึกเรื่อย ๆ ว่าเรารู้สึกอย่างไร เพราะอะไร?
มีทริคเล็ก ๆ จากนักจิตวิทยาที่เราใช้แล้วได้ผลดีคือการจดบันทึกความรู้สึกในแต่ละวันถ้าสามารถจดให้ละเอียดได้เท่าไหร่ยิ่งดี จะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นและความรู้สึกเบาลง
ทำงานหนักจนเกินไป สัญญาณที่ 3. เราทำงานเสร็จก็จริง แต่ใช้เวลา 2 เท่าจากปกติ!

เช่น การเขียนอีเมลที่ใช้เวลา 5 นาทีแต่เราใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง? เมื่องานใช้เวลานานเกินควร มักเป็นสัญญาณว่าไม่มีแรงจูงใจพอที่จะทำงานนั้น ๆ ลองระบุปัญหาที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากทำงานนี้เลย และลองกลับไปพักผ่อน การทำอะไรก็ตามเพื่อดูแลตัวเองมีประสิทธิภาพมากกว่าการบังคับตัวเองให้ทำ เพราะบางครั้งที่เราบังคับและฝืนทำ จะทำให้งานออกมาแบบไม่มีประสิทธิภาพค่อย ๆ ให้เวลาตัวเองในการพักผ่อนและตอบคำถามในสิ่งที่ทำให้ใจเราไม่สงบ
การทำงานหนักเกินไป สัญญาณที่ 4. งานทุกงานดูยากกว่าที่เคยเป็น

บางครั้งที่งานดูยากและยิ่งใหญ่กว่าความเป็นจริงและนั่นก็สะท้อนความคิดที่ซ่อนอยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าเรากำลังทำงานหนักเกินไปและต้องการหยุดพัก ถ้าปกติเราเป็นคนที่สู้ไม่ถอย งานยากเหรอ มาเถอะ ไม่เคยกลัว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าทุกอย่างดูยากไปหมด ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน แต่เมื่อเทียบแล้วมันไม่ได้ยากกว่างานก่อน ๆ เลย เรา จง พัก ซะ
Tips: หากรู้สึกว่างานยาก ให้พยายามทำให้เสร็จเป็นอย่างแรกในตอนเช้า "กินกบตัวนั้นซะ" ที่บอกให้เราหยิบงานยากมาทำ แล้ววันทั้งวันจะเป็นวันที่ดี จากนั้นก็ให้เวลาตัวเองพักเที่ยงเพื่อลุยงานต่อทั้งวัน แวะพักเบรกออกไปเดินเล่น รับแสงแดด ผ่อนคลาย ไปซื้อกาแฟบ้าง
ทำงานหนักมากเกินไป สัญญาณที่ 5. รู้สึกอ่อนล้าอยู่ตลอดเวลา

เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกง่วงนอนนิดหน่อยในตอนเช้า แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยและง่วงทุกวัน ให้ถามตัวเองว่าต้องทำอะไรเพื่อให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ส่งผลต่อความเหนื่อยล้ารวมถึงความรู้สึกทำงานหนักเกินไปด้วย
ไม่ว่าความสมดุลระหว่างชีวิตและงานของจะเป็นอย่างไรให้เลือกการนอนเป็นอันดับ 1ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่ายังไงเราต้องได้นอน!
การนอนสำคัญเพราะอะไร?1.การนอนเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้ ระหว่างการนอนหลังจากการทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ร่างกายจะฟื้นฟูระบบต่าง ๆ เช่น ระบบประสาท, ระบบสืบพันธุ์, ระบบภูมิคุ้มกัน
2.ส่งเสริมสุขภาพจิต: การนอนหลับด้วยความเงียบสงบช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ลดความเครียด และเพิ่มความสมดุลของอารมณ์
3.การนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ระบบประสาททำงานเพื่อปรับปรุงความจำและกระบวนการเรียนรู้ การนอนหลับสม่ำเสมอช่วยให้ความจำทำงานได้ดียิ่งขึ้น
4.การนอนเพียงพอช่วยควบคุมระดับฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อการควบคุมน้ำหนักและการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
5.ปรับสมดุลการทำงานของระบบการทำงานของร่างกาย
6.การนอนหลับเพียงพอเป็นปัจจัยที่สำคัญในการรักษาสุขภาพ การนอนไม่เพียงพออาจทำให้เกิดภาวะเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน และโรคซึมเศร้า
7.ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อต้านการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ
8.การนอนหลับเพียงพอช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความสามารถในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำงานหนักจนเกินไป สัญญาณที่ 6. นับถอยหลังเวลาเลิกงาน

แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากกลับบ้าน แต่ถ้าเรานับทุกนาทีแบบถอยหลังตั้งแต่บ่าย ถือเป็นสัญญาณในการเปลี่ยนแปลงที่ต้องโฟกัส อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรานับถอยหลัง เราว่างงานเกินไป? เราเครียดหรือทำงานหนักไปไหมนะ ยิ่งนับยิ่งมชทรมานเพราะถ้าเราโฟกัสกับเวลามันจะยิ่งเดินช้าลงเพราะฉะนั้นหาสาเหตุให้ได้ว่าเพราะอะไรเราถึงอยากกลับบ้าน
การทำงานหนักเกินไป สัญญาณที่ 7. ขาดแรงจูงใจ หมดแพชชั่น

แรงจูงใจสำคัญมากสำหรับการใช้ชีวิต
ตั้งแต่การปลุกให้ตื่นในตอนเช้าไปจนถึงแรงกระเพื่อมในการทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ลองถามตัวเองว่าแรงจูงใจของเราคืออะไร? และตอนนี้ที่ทำอยู่เรามีความสุขและสิ่งนี้สร้างแรงจูงใจให้เรามากแค่ไหน
สร้างแรงจูงใจในการทำงานกันเถอะ
1.กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน รู้ว่ากำลังทำงานเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และเห็นภาพใหญ่ของเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึง
2.เข้าใจว่างานที่เราทำมีความสำคัญต่อคนอื่น จะช่วยให้รู้สึกเชื่อมโยงกับงานมากขึ้น
3.หาความท้าทาย กำหนดเป้าหมายที่ท้าทายให้ต้องพัฒนาฝีมือและความสามารถ เมื่อเริ่มเห็นผลสำเร็จจากการทำงานนี้ จะช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจ
4.แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กับเพื่อนร่วมงาน
5.รางวัลตนเอง เมื่อคุทำงานได้ดี ให้ตัดสินใจทำบางสิ่งที่ชอบเป็นรางวัล
6.ค้นหาความหมายในงานว่างานมีประโยชน์ต่อสังคมหรือโลกอย่างไร
7.ให้เวลาให้ตัวเองเพื่อพักผ่อนและทำสิ่งที่ชอบเพื่อรักษาพลังงานและแรงจูงใจ
8.ใช้เวลาทำอะไรที่น่าสนใจหลังจากงาน
9.แบ่งงานใหญ่เป็นส่วนย่อยๆ และทำโครงสร้างการทำงานให้ชัดเจน
การทำงานหนักจนเกินไป สัญญาณที่ 8. เกลียดวันจันทร์

อย่าเพิกเฉยสัญญาณของความเครียดและความเหนื่อยล้า ฟังเสียงร่างกายตัวเองเมื่อมันไม่อยากทำอะไรสักอย่างและกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำความเข้าใจ ไม่ใช่ออกห่างจากมัน อย่างความรู้สึก
เกลียดวันจันทร์ หรือ Monday Blues
อาจจะฟังดูเป็นเรื่องตลก แต่ถ้าหากส่งผลกระทบต่อเรามากก็อาจจะต้องกลับมาดูที่สาเหตุและหาทางแก้ไข
ความรู้สึกที่ไม่ชอบวันจันทร์สามารถเกิดขึ้นทุกคนได้ มันอาจเป็นเรื่องของการเริ่มต้นวันทำงานหลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ หรืออาจเกิดจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นไปตามที่เราคิด สถานการณ์งานที่ท้าทาย การจัดการและเผชิญกับความรู้สึกนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะนำมันมาเป็นแรงจูงใจหรือจะทำอะไรเพื่อให้วันจันทร์เป็นวันที่ดีและมีความสุขกับตนเองมากขึ้น
การทำงานหนักเกินไป สัญญาณที่ 9. หงุดหงิดกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว

การที่เราเริ่มหงุดหงิดได้ง่ายกับสิ่งเล็ก ๆ เช่น เสียงเพื่อนร่วมงานคุยกัน เสียงรถที่ขับผ่าน เสียงคนทำของตก หรือเริ่มไม่ชอบใครสักคนในที่ทำงาน ทั้งที่ปกติเราไม่ใช่คนที่อ่อนไหวต่อเสียงหรือผู้อื่น นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเรากำลังทำงานมากเกินไป
และควรให้เวลาตัวเองเพื่อที่จะได้หยุดพักผ่อนบ้าง
นอกจากไม่ดีกับประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ที่สำคัญคือยังไม่ดีต่อสุขภาพจิตของเราอีกด้วยนะคะ
ทำงานหนักมากเกินไป สัญญาณที่ 10. รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถ

ความรู้สึกแย่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหนักเกินไปคือการเริ่มรู้สึกไร้ความสามารถอย่าปล่อยให้ตัวเองไปถึงจุดนั้น เพราะเราทุกคนมีความสามารถและทักษะที่จะประสบความสำเร็จได้ในด้านที่แตกต่างกัน หากเมื่อเริ่มรู้สึกแบบนี้ขึ้นแล้ว บางครั้งการลาพักร้อนก็เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดค่ะให้เวลางานมาเยอะแล้ว ถึงเวลาต้องให้เวลากับตัวเองบ้างแล้วละค่ะ:)
ขอบคุณที่มาของบทความจากhttps://www.thetalko.com/10-signs-you-are-overworked-need-a-break/
สรุปส่งท้าย
อย่ารู้สึกผิดที่จะใช้วันลา อย่ารู้สึกผิดที่จะหยุดพัก
การ
ทำงานหนักเกินไป
ไม่ได้หมายความว่างานเราจะมีประสิทธิภาพที่ดี การรู้ว่าตัวเองควรหยุดพัก รู้ว่าตัวเองต้องการชาร์จพลังต่างหากที่จะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น พัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน สำหรับกันยายนที่ไม่มีวันหยุด ใครที่มีสิทธิวันลา ลองใช้มันสักวันสองวันถือว่าเป็นรางวัลให้กับตัวเองนะคะ
บทความแนะนำที่ไม่ควรพลาด
หายข้องใจ ! ทำความรู้จักการเป็น “ Job Hopper ” พร้อมข้อดี - ข้อเสียที่ควรรู้
https://sistacafe.com/summaries/93620
แชร์เทคนิคเก็บเงินฉบับ มนุษย์เงินเดือน vs ฟรีแลนซ์ ง่ายๆ เริ่มต้นได้เลย
https://sistacafe.com/summaries/93469
รวม 25 ไอเดียแมทช์ " เบลเซอร์สีชมพู " เก็ทลุคสาวสไตล์ Working Women
https://sistacafe.com/summaries/93645
https://sistacafe.com/summaries/95156
https://sistacafe.com/summaries/95009
https://sistacafe.com/summaries/95606
https://sistacafe.com/summaries/95548
https://sistacafe.com/summaries/93620